กลิ่นปาก
ปัญหากลิ่นปาก เป็นปัญหาที่อาจดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สามารถส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพ ความมั่นใจในตนเอง และการเข้าสังคมได้ สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือปัญหากลิ่นปากยังเป็นสัญญาณบอกโรคที่ซ่อนอยู่ได้ด้วย ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจก่อให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรงได้
สาเหตุของกลิ่นปาก แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
สาเหตุภายนอก เกิดจากโรคอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับช่องปากโดยตรง เช่น ไซนัสอักเสบ คออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ เกิดการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนต้น หรือระบบทางเดินอาหารมีปัญหา เช่น ลําไส้อุดตัน กรดไหลย้อน
สาเหตุภายใน เกิดจากปัญหาในช่องปาก เช่น ทำความสะอาดไม่ทั่วถึง มีเศษอาหารติดตามซอกฟัน เหงือกอักเสบ ฟันผุ หรือมะเร็งในช่องปาก
จะรู้ได้อย่างไรว่ามีกลิ่นปาก
ปัญหากลิ่นปากเป็นปัญหาที่หลายคนไม่รู้ตัวจนกว่าจะมีคนใกล้ชิดช่วยบอก โดยปกติช่องปากของคนเรามีกลิ่นปากอยู่แล้ว แต่จะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละคน
5 ความเชื่อเรื่องกลิ่นปาก
หลายคนคงเคยได้ยินความเชื่อที่แชร์กันมาถึงพฤติกรรมบางอย่างที่ว่ากันว่าเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก หรือวิธีแก้ปัญหากลิ่นปากที่ได้ผล ความเชื่อเหล่านี้เรื่องไหนจริงหรือหลอก
ความเชื่อที่ 1 มีกลิ่นปากเพราะดื่มน้ำน้อย
ความเชื่อนี้จริงบางส่วน เพราะน้ำลายมีความสําคัญต่อการชะล้างสิ่งสกปรกต่าง ๆ รวมถึงเศษอาหารในช่องปาก การดื่มน้ำน้อยทําให้เรามีน้ำลายน้อยลง เมื่อน้ำลายน้อย เศษอาหารจึงมีแนวโน้มที่จะสะสมได้มากขึ้น เกิดการหมักหมม และเป็นสาเหตุหนึ่งของกลิ่นปากได้
ความเชื่อที่ 2 มีกลิ่นปากเพราะใส่ฟันปลอมผิดขนาด
ความเชื่อนี้จริง การใส่ฟันปลอมที่ผิดขนาดทำให้ไม่พอดีกับช่องปาก ฟันปลอมจึงสามารถขยับได้ เมื่อรับประทานอาหารจะเกิดการสะสมของเศษอาหารใต้ฟันปลอมจนเกิดกลิ่นปาก ผู้ที่ใส่ฟันปลอมมานานแล้วเริ่มรู้สึกว่ามีปัญหานี้ เป็นไปได้ว่าฟันปลอมอาจมีขนาดไม่พอดี ควรมาพบทันตแพทย์เพื่อตรวจวัดขนาดฟันปลอมใหม่
ความเชื่อที่ 3 มีกลิ่นปากให้บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ 3 เวลา
ความเชื่อนี้จริงบางส่วน เนื่องจากน้ำเกลือมีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อโรคได้บางส่วน และช่วยบรรเทาอาการเหงือกอักเสบ แต่การบ้วนปากด้วยน้ำเกลือเพียงอย่างเดียวโดยที่ไม่ได้แปรงฟันเพื่อกำจัดเศษอาหารที่สะสมอยู่ในช่องปากนั้น อาจทำให้กลิ่นปากกลับมาได้ ฉะนั้น จึงควรแปรงฟันควบคู่ไปกับการบ้วนน้ำเกลือ
ความเชื่อที่ 4 มีกลิ่นปากรับประทานผักสดช่วยได้
ความเชื่อนี้ไม่จริง เส้นใยในผักสดไม่สามารถช่วยทำความสะอาดฟันได้ หากรับประทานแล้วมีเศษอาหารติดตามซอกฟันแล้วแปรงออกไม่หมดอาจเป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่นปากได้
ความเชื่อที่ 5 มีกลิ่นปากให้เคี้ยวหมากฝรั่ง
ความเชื่อนี้จริงบางส่วน การเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นการกระตุ้นให้น้ำลายออกมามากขึ้น ซึ่งช่วยในการชะล้างสิ่งสกปรกที่หมักหมมอยู่ในช่องปาก อย่างไรก็ตาม น้ำลายไม่สามารถชะล้างสิ่งสกปรกตามซอกฟันได้หมด กลิ่นปากก็ยังคงเกิดขึ้นได้แม้จะเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วก็ตาม ฉะนั้น ควรกำจัดสิ่งสกปรกด้วยการแปรงฟันให้สะอาดจึงจะสามารถแก้ปัญหากลิ่นปากได้
มีกลิ่นปากอาจเป็นสัญญาณบอกโรค
สำหรับคนที่มีกลิ่นปากอาจเป็นไปได้ว่ากำลังมีโรคในช่องปาก เช่น เหงือกอักเสบ หรือฟันผุ แต่หากแปรงฟันสะอาดดีอยู่แล้ว นี่อาจเป็นสัญญาณของโรคที่ซ่อนอยู่ เช่น ไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือโรคร้ายแรงอื่น ๆ ฉะนั้น ผู้ที่มีกลิ่นปากแล้วยังหาสาเหตุไม่ได้จึงควรรีบมาพบทันตแพทย์เพื่อสาเหตุที่แท้จริง
วิธีทดสอบกลิ่นปาก
การทดสอบกลิ่นปากเป็นวิธีที่ช่วยให้รู้ว่าเรามีกลิ่นปากผิดปกติหรือไม่ สามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่
-ให้คนใกล้ชิดช่วยบอก
-ทดสอบด้วยการใช้ไหมขัดฟัน ใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดตามซอกฟัน เสร็จแล้ววางไหมขัดฟันทิ้งไว้สักพักแล้วดมดู หรือใช้นิ้วแตะน้ำลาย ทิ้งไว้สักพักแล้วดม หากมีกลิ่นแสดงว่าอาจมีกลิ่นปากผิดปกติ
-ใช้เครื่องวัดกลิ่นปาก
วิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันกลิ่นปาก
ควรแปรงฟันให้ถูกวิธี แปรงลิ้น และใช้ไหมขัดฟันทุกวัน เพื่อทำความสะอาดตามซอกฟันที่แปรงเข้าไม่ถึง หากกลิ่นปากหายไปแสดงว่าเกิดจากการทำความสะอาดไม่ทั่วถึง แต่หากยังมีกลิ่นปากอยู่ควรมาพบทันตแพทย์เพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากโรคอื่น ๆ หรือไม่ เช่น เหงือกอักเสบในจุดที่ยังไม่ก่อให้เกิดอาการฟันผุ หรือมีโรคร้ายแรงอื่น ๆ
กลิ่นปากเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ไม่ยาก หากหาสาเหตุเจอ แต่ถ้ายังไม่สามารถแก้ไขได้ ควรรีบมาพบทันตแพทย์เพื่อวินิจฉัยและหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ทพ.ภูมิพัฒน์ ลีชนะวานิชพันธ์
งานทันตกรรม คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล