ปรี๊ดแตก !! เจอคอมเมนต์สุดถ่อย "มรกต มณีฉาย" ไม่ทน ลุกขึ้นปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง ซัด เกรียนคีย์บอร์ดต้องได้รับบทเรียน
ช่วงนี้มีความเดือด เห็นว่ามีบางสื่อเอารูปเราไปลง แล้วเกรียนคีย์บอร์ดมันก็ถล่มเรา เกิดอะไรขึ้น ?
แอน : ปกติพี่ไม่ค่อยเล่นโซเชียล เล่นน้อยมาก บังเอิญมีอยู่วันนึงเพื่อนเห็นภาพของแอนลงในโซเชียล เขาก็เลยแชร์มาให้ บอกให้แอนลองไปอ่านคอมเมนต์ดู เปิดเข้าไปอ่าน มันมีคอมเมนต์เยอะไปในทิศทางที่ดีแล้วก็บวก แต่ก็มีบางคอมเมนต์ที่รู้สึกว่าแรงสำหรับแอน เรารับไม่ได้ เห็นครั้งแรก บอกตรงๆ ว่าขึ้นเลย คือโกรธมาก
เป็นคอมเมนต์ประมาณไหน ?
แอน : แอนรู้สึกว่ามันเหยียด เราคิดว่าการที่เขาคอมเมนต์แบบนี้ เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของแอน แอนรู้สึกว่าทำไมเขาวิจารณ์เราแรง จริงๆ เขาคอมเมนต์เรื่องของแอนกับพี่หนู ว่าแบบเมียเก่าตลกของ "หนู เชิญยิ้ม" หรือว่า เสียของ เสร็จ "หนู เชิญยิ้ม" ไปแล้ว
อันนี้แหละที่ทำให้เรารู้สึกไม่โอเค ?
แอน : ปรี๊ดมาก ต้องลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง
ประโยคพวกนี้ ที่เกี่ยวข้องกับพี่หนู เสียของ หรืออะไรก็ตาม ทำไมเราถึงรู้สึกว่าเราถูกเหยียด ?
แอน : แอนรู้สึกว่าคนที่เข้ามาคอมเมนต์ส่วนใหญ่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ผู้หญิงจะเป็นคอมเมนต์ที่น่ารักมาก แต่พอคอมเมนต์ผู้ชายบางคอมเมนต์ แบบเมียตลก เสร็จหนูไปแล้ว เสียดายของ มันมีความรู้สึกว่าเป็นการเหยียดเรา วิจารณ์เราแรง จะบอกว่าวิจารณ์ได้แต่จะต้องไม่ทำให้เราเสียหาย แบบนี้มันทำให้เราเสียหาย เพราะเรารู้สึกว่าคุณไม่ได้พูดความจริง และสิ่งที่คุณกำลังทำขณะนี้ มันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของแอน และที่สำคัญคุณนำข้อความอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเขาควรจะทราบว่ามันผิดกฎหมายอยู่แล้ว และแอนก็คิดว่าแอนควรปกป้องตัวเองเหมือนกัน และสิ่งที่เขาคอมเมนต์มันไม่ให้เกียรติแอน และไม่ให้เกียรติตัวพี่หนูด้วย เพราะเขาเสียชีวิตไปแล้ว เขาไม่มีโอกาสที่จะมาชี้แจง แอนอยากให้เขาให้เกียรติคนที่เสียชีวิตไปแล้ว
ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงเซ็กซี่ ก็เลยรู้สึกว่าเราโดนดูถูก ดูแคลน มาทั้งชีวิต ?
แอน : มันก็มีบ้าง แล้วแต่คนจะคิด ด้วยภาพลักษณ์ของเราที่ออกไป คือถ่ายภาพเซ็กซี่ แนวเซ็กซี่เยอะมาก มันคือการพรีเซนต์ในงานของเรา บางคนก็มองเราในมุมมองที่ไม่ดี มองด้านลบ ก็อาจจะมองว่ากล้าถ่ายภาพขนาดนี้จะต้องเป็นคนแรง หรือจะต้องเป็นคนที่ใจกล้ามากๆ หรือแม้กระทั่งอาจจะเป็นเมียเก็บใครหรือเปล่า เป็นเมียน้อยใครไหม ด้วยความที่เขาคิดว่าภาพเซ็กซี่มันคงไม่พ้นแบบนี้
เห็นว่าไม่ได้โดนแค่เบื้องหลังต่อหน้าก็โดนดูถูกเหมือนกัน ?
แอน : มีค่ะ เคยมีการมาสัมภาษณ์จากสื่อหนึ่ง เราก็ดีใจที่เขาสนใจ มาขอสัมภาษณ์เรา ทีนี้พี่ไม่ได้ให้คิวเขา แต่ถ้าเกิดเขาจำเป็นที่จะต้องมาสัมภาษณ์จริงๆ พี่จะให้เขามาสัมภาษณ์ช่วงที่พี่สแตนด์บายหลังเวที ให้เวลาสัมภาษณ์ได้ประมาณครึ่งชั่วโมง แต่เราก็แสดงความจริงใจว่างานเราเยอะ แต่เราก็พยายามแบ่งเวลาให้ แล้วเวลาที่เขาสัมภาษณ์ ปฏิกิริยา ที่เขาแสดงออกกับเรา เป็นการดูถูกเรา คือเขามองตั้งแต่หัวจดเท้า แล้วคำสัมภาษณ์ต่างๆ มันเป็นการเหยียด เช่น คิดยังไงที่มาถ่ายโป๊ ทำไมถึงกล้ามาถ่าย มันเป็นคำถามที่เรารู้สึกว่า มันแรง แล้วก็รู้สึกว่า ในคำถามมันมีความเหยียด
ด้วยยุคนั้นสังคมไม่ได้เปิดกว้าง ?
แอน : คือในยุคนั้นถือว่าโป๊มาก โป๊ขนาดที่บ้านแอนรับไม่ได้ เขารู้สึกว่ามันแรงแล้วเขารับไม่ได้ แต่ในยุคนี้อาจจะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา
ถ้าย้อนไปภาพของพี่แอนที่เป็นลุคแบบนั้น แล้วโดนคำดูถูก มันเป็นปมในใจมาถึงปัจจุบันหรือเปล่า?
แอน : เรารู้สึกว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป สิทธิมันเท่าเทียมกัน แต่ละอาชีพก็เป็นอาชีพสุจริต เราก็คิดว่าไม่ควรดูถูกอาชีพของคนๆ นั้น ซึ่งในขณะนั้นที่เราถ่าย 1.มันเป็นอาชีพของเรา มันเป็นงานของเรา ถึงแม้ว่าหลังจากที่เราทำงาน พี่ไม่ได้ถ่ายแบบ พี่ก็ไม่ได้แต่งตัวโป๊ แม้กระทั่งการไปว่ายน้ำที่สระ แอนยังไม่เคยใส่ชุดว่ายน้ำเลย จะใส่เฉพาะที่ถ่ายจริงๆ เพราะไม่ถ่ายแล้วก็มีเสื้อคลุม เราไม่ได้แบบใส่ชุดว่ายน้ำแล้วเดิน ให้คนเห็นว่าเราโป๊
เมื่อกี้บอกว่าที่บ้านรับไม่ได้ แล้วคุยแค่ที่บ้านเข้าใจยังไง ?
แอน : ตอนนั้นแอนไม่ได้คุย ช่วงนั้นงานเยอะจริงๆ ไม่คิดว่าที่บ้านเขาจะทราบ เพราะในยุคนั้นสื่อสารจะต้องผ่านหนังสือพิมพ์หรือทีวี แล้วที่บ้านอยู่ต่างจังหวัดมันค่อนข้างกันดาร การสื่อสารต่างๆ มันไม่ค่อยถึงเราก็คิดว่าเขาไม่ทราบ บังเอิญมันมีวันนึงที่เขาทราบขึ้นมา แล้วเขาก็ยอมรับไม่ได้ แต่หลังจากที่เรารับงานถ่ายแบบแล้วมันมีงานเข้ามาเยอะมาก ทั้งหนัง ละคร มีภาพยนตร์ที่ อาหลองเรียกเราไปร่วมแสดงด้วย ทำให้งานมันหลากหลายมากขึ้น แล้วมันมีช่วงที่เราพีค ได้ออกอัลบั้มเพลงด้วย เลยทำให้ที่บ้านเข้าใจมากขึ้น
พี่แอนอยากเปลี่ยนภาพลักษณ์เซ็กซี่ของตัวเอง ก็เลยเริ่มเปลี่ยนในหลายๆ อย่าง ?
แอน : ใช่ค่ะ ก็พยายามปรับตัว พยายามจะไม่เซ็กซี่มาก
เห็นว่าอยู่ในวงการบันเทิงมายาวนานมาก แต่ไม่มีเพื่อนเลย ?
แอน : เป็นช่วงแรก เพราะงานเยอะมาก เราเพิ่งเข้าวงการ เป็นช่วงที่เรารับงานแทบไม่มีเวลาได้คุยกับใคร ก็เลยทำให้เป็นคนไม่มีเพื่อน เพราะว่าเวลาที่ที่มันรีบเลยเวลาที่แบบแลกเบอร์กันไหม ในยุคนั้นไม่มีโทรศัพท์ส่วนตัวด้วย ก็จะเจอเฉพาะเพื่อนในวงการบันเทิง เจอแบบฉาบฉวย ก็เลยไม่มีเพื่อน ไม่ได้คุยกับใครเลย แม้กระทั่งแฟนก็ไม่มี เพราะในช่วงนั้นไม่รู้จะติดต่อใคร ช่วงนั้นทำงานอย่างเดียวเลย
แล้ว ณ ตอนนี้หัวใจโสดไหม หรือมีคนคุย ?
แอน : โสดไหม โสด ถามว่ามีคนคุยไหม มีค่ะ ก็คุยมาเป็น 10 ปีแล้ว เขาเป็นคนจิตใจดี ทัศนคติดี มองทุกอย่างบวก คุยด้วยแล้วเราสบายใจ
10 ปี ไม่เปิดตัว ?
แอน : มันไม่สะดวกเปิดตัว มีความรู้สึกว่าเราอยากมีพื้นที่ส่วนตัว
อนาคตพี่แอนวางแผนไว้ยังไง ?
แอน : ตอนนี้ไม่ได้คิดเรื่องครอบครัว เพราะแอนรู้สึกว่าเราโสดมานานแล้ว ชินกับการใช้ชีวิตโสดตลอด ก็เลยมีความรู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องมีครอบครัวก็ได้มั้ง เพราะอย่างนี้ก็สบายดี ก็คุยตลอด เราพยายามดูแลครอบครัวเราให้ดีที่สุด
ผู้หญิงหลายคนมีความฝันอยากใส่ชุดแต่งงาน พี่แอนไม่อยากขยับไปถึงตรงนั้นเหรอ ?
แอน : เมื่อก่อนตอนอายุ 30 ต้นๆ มีความรู้สึกว่าอยากแต่งงาน อยากมีครอบครัว แต่พอเลย 40 แล้วมันก็รู้สึกว่า อาจจะไม่เหมาะกับเราก็ได้ เราอาจจะเหมาะกับชีวิตโสด อะไรที่มันอิสระกับตัวเอง
ฝั่งเราคิดแบบนี้แล้วฝั่งเขาล่ะ ?
แอน : ก็เหมือนกัน พอคุยแล้วมันสบายใจ เราก็ไม่อยากคิดอะไรเยอะ ตรงนี้มันพอดีแล้ว
คลิปสัมภาษณ์ แอน มรกต
https://youtu.be/dRUV76M8rLQ