เลือดกำเดาไหล
เลือดกำเดาไหล เป็นภาวะเลือดออกทางโพรงจมูกสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ เลือดออกทางจมูกด้านหน้า และเลือดออกทางจมูกด้านหลังโพรงจมูก ซึ่งจะมีอาการรุนแรงมากกว่าเนื่องจากเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดใหญ่ทำให้มี เลือดกำเดา ออกปริมาณมากและอาจทำให้อาเจียนเป็นเลือดได้
สาเหตุเกิดจาก
-สภาพอากาศร้อนจัดทำให้เส้นเลือดบริเวณเยื่อบุโพรงจมูกแห้งและแตกออกเมื่อถูกสัมผัสแรง ๆ
-ได้รับอุบัติเหตุหรือการกระแทกรุนแรงบริเวณจมูก
-ใช้ยาบางใช้ยาบางชนิดไม่ถูกวิธีหรือเป็นเวลานาน เช่น ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก เป็นต้น
-ผู้ป่วยที่เคยเป็นไซนัสอักเสบเฉียบพลัน
-การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
-มีสิ่งที่แปลกปลอมเข้าไปในจมูก
-เส้นเลือดฝอยในโพรงจมูกแตกหรือฉีกขาด
เลือดกำเดาไหลแบบไหนต้องพบแพทย์
เลือดกำเดาไหลส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตรายร้ายแรง หากมีเลือดกำเดาไหลออกมามากกว่าปกติ อาจจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงที่ซับซ้อน ส่งผลให้ต้องมีการเข้าปรึกษากับทางแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการอย่างละเอียด ซึ่งสามารถสังเกตอาการได้ ดังนี้
-เลือดกำเดาไหลไม่หยุดเกินกว่า 5-10 นาที
-เลือดไหลออกมาเป็นลิ่มเลือด
-ตัวซีด ปากซีด มีอาการหน้ามืด เวียนหัว คล้ายจะเป็นลม
-สำลักหรืออาเจียนออกมาเป็นเลือด
-ชีพจรเต้นเร็ว หายใจลำบาก
วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น
-นั่งหลังตรงโค้งตัวมาข้างหน้าเพียงเล็กน้อย ป้องกันไม่ให้เลือดไหลลงไปในคอและปอด เนื่องจากจะเพิ่มโอกาสให้เลือดเข้าไปปิดกันทางเดินหายใจและเกิดอาการสำลักได้
-ใช้มือบีบปีกจมูกทั้ง 2 ข้างประมาณ 5 นาที จนกว่าเลือดจะหยุดไหลและหายใจทางปากแทน
-หลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูกแรง ๆ แคะจมูก การยกของหนัก เนื่องจากจะทำให้เลือด
-ประคบเย็นด้วยผ้าห่อน้ำแข็งที่บริเวณหน้าผากและดั้งจมูก
-หลีกเลี่ยงการยัดกระดาษทิชชูเข้าในรูจมูกเพื่อหยุดเลือด เนื่องจากโพรงจมูกจะเกิดแผลเมื่อดึงกระดาษทิชชูออก ทำให้เลือดไหลซ้ำ
-หากเลือดหยุดไหลแล้วให้นอนพักและยกหัวสูงขึ้น
-สังเกตอาการไม่ให้มีการช็อกหรือหมดสติ
วิธีการรักษา เมื่อมีอาการ เลือดกำเดาไหล รุนแรง
กรณีที่ผู้ป่วยมีเลือดกำเดาไหลเป็นระยะเวลานานต้องนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลป้องกันภาวะช็อกหมดสติจากการสูญเสียเลือด และให้แพทย์ประเมินอาการรวมไปถึงวิธีการรักษา ดังนี้
-ใช้ยาหดหลอดเลือดสอดเข้าที่โพรงจมูก เพื่อให้เส้นเลือดในเยื่อบุจมูกหดตัวลง เลือดออกลดลง ลดอาการบวม จนแพทย์สามารถประเมินอาการและค้นหาตำแหน่งที่เลือดออกได้
-จี้จุดเลือดออก จะเป็นการรักษาโดยการใช้สารเคมีหรือพลังงานความร้อน เพื่อห้ามเลือดโดยแพทย์จะมีการให้ยาชาเฉพาะที่ก่อนการรักษา
-ปรับยาหรือสั่งยาใหม่ ผู้ป่วยที่มีการรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือดหรือยาละลายลิ่มเลือด แพทย์จะมีการพิจารณาปรับยาหรือสั่งยาใหม่เพื่อช่วยให้เลือดแข็งตัว
วิธีป้องกัน
-ไม่แคะ แกะ หรือสั่งน้ำมูกอย่างรุนแรง
-ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุบริเวณจมูก ศีรษะ หรือใบหน้า
-หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีควันบุหรี่ สารเคมี หรือฝุ่นละออง
-ใช้น้ำเกลือหยอดจมูกป้องกันเยื่อบุโพรงจมูกแห้ง
-พักผ่อนให้เพียงพอ
เลือดกำเดาหรือภาวะเลือดออกทางโพรงจมูกสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย ซึ่งสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้เองที่บ้าน หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เลือดกำเดา ไหลออกมาเป็นปริมาณมากและมีระยะเวลานาน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป
ผศ.ดร.พญ.เดือนธิดา ทรงเดช
สาขาวิชาโลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยา ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล