“ดวงดาว - เติ้ล ตะวัน” ย้อนเล่าวินาทีบีบใจ “น้องมียา” ป่วยหนัก รักษาตัวที่ รพ. 11 วัน งดเนื้อสัตว์ - บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย
“ดวงดาว จารุจินดา” ควงลูกชาย “เติ้ล ตะวัน” ย้อนเล่าวินาทีบีบหัวใจ “น้องมียา” ป่วยหนัก ต้องรักษาตัวที่รพ.นานกว่า 11 วัน ถึงขั้นต้องบนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเหลือ พร้อมย้อนวีรกรรมสุดแสบ ความสัมพันธ์แม่ลูก ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow
น้องมียากี่ขวบแล้ว?
เติ้ล : 6 ขวบกำลังจะเข้า 7 ขวบ ตอนนี้ชอบโชว์เต้น ทำกิจกรรมที่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เวลาเพื่อนมาบ้าน "คุณเต้ นันทศัย" ต้องเป็นเหยื่อ ต้องมานั่งที่โซฟากับพ่อและแม่ นั่งดูเขาเต้น โชว์การแสดง เขาจะถามว่าพ่อ วันนี้จะมีเหยื่อมาดูหนูบ้างมั้ย (หัวเราะ)
ดวงดาว : ย่ากับปู่ต้องมีส่วนร่วมในการโชว์ โดยเธอเป็นผู้กำกับ คุณย่าต้องทำแบบนี้นะ เดินมาหยิบทำท่าอย่างนี้ๆ แล้วเขาแสดงต่อ มีส่วนในการแสดง
เติ้ล : บางทีคุยเรื่องตัดต่อกับลูกน้องอยู่ เขาก็เข้ามาบอกว่า พ่อ เอางี้มั้ย ให้นางเอกหันหลังไปคุยโทรศัพท์ พระเอกขับรถสปอร์ตหรูเลยนะ นางเอกหันมาก็ว้าวเลย
ย่าไม่หลงแย่เหรอ?
ดวงดาว : รักที่สุดของที่สุด ตอนเขายังเด็ก เราทำงานๆ พอวันนี้เราทำงานน้อยลง ก็มีเวลาดูแลเขา เขาเป็นเด็กผู้หญิง เวลาเขามาบ้านเหมือนบ้านเรามันเติมเต็ม ทำให้บ้านมีความสุข มีเสียงหัวเราะ พอเขาไปบ้านเงียบ ปู่ยังบอกเลยว่าบ้านเราเงียบเลยนะ พอ "มียา" กลับไป
เป็นเด็กร่าเริง ชอบแสดงออก ตอนเจอเขาตอนเด็กๆ ลุ้นให้เขาแข็งแรง ตอนนี้เจอล่าสุดตัวเบ้อเริ่ม?
ดวงดาว : มาจากผลของการไม่สบาย เพราะเขาได้ยาสเตียรอยด์
ล่าสุดต้นปีป่วยเยอะเหมือนกัน?
เติ้ล : ตอนแรกเขาไอ ก็ฝากผู้ปกครองสังเกตด้วยนะ เขาไอต่อเนื่อง เราไปหาหมอนะ เวียนๆ กลับๆ ประมาณ 3 รอบ จนรอบสุดท้ายไปบ้านย่า ไปเล่นกลับมาแล้วงอมเลย กลางคืนมีไข้ ตื่นมาตอนเช้าเริ่มยืนไม่ไหว อ้วก เราก็พาลูกเข้า รพ. หมอก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ ก็ตรวจเลือด รู้แค่ว่าติดทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
มีอาการนึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน?
เติ้ล : หลังเขาอาการดีขึ้น ไข้ลด เราก็อยากให้เขามานั่งรถเล่น ที่มีน้ำเกลือ
ดวงดาว : ย่าไปเยี่ยม ก่อนหน้านั้นเขาไม่ลุกเลย มีแม่บ้านเลี้ยงเขาตั้งแต่เบบี๋ ชื่อตะวัน พอเขาเห็นเรากับพี่ตะวัน เขาก็อยากลงมาข้างล่าง ซื้อของ บิวต์เขา เขาก็ลุกขึ้นมานั่งรถเล็กๆ แขวนน้ำเกลือไป พอนั่งแล้วเขาก็เอียงไปเอียงมา เราก็งง
เติ้ล : พ่อกับแม่ก็กระซิบกันว่าแสดงแน่ๆ
ดวงดาว : กระแตเอามือถือมาถ่ายคลิปด้วย ลงลิฟต์มา ถึงชั้นล่าง เทกระจาดเลย อ้วก
เติ้ล : เราก็ใจหาย แม้แต่พี่เลี้ยงที่เลี้ยงเขามาก็บอกว่ามียา อย่าเป็นแบบนี้เลย ลุกมาเล่นกันเถอะ แบบนี้ไม่สนุกเลย แทบจะร้องไห้ทุกวันเลย สงสารลูกมาก เพราะไม่รู้ลูกเป็นอะไร ช่วยก็ช่วยไม่ได้
น้องไม่สามารถยืนได้ นั่งก็เอียงไปเอียงมา?
เติ้ล : ง่ายๆ เหมือนคนบ้านหมุน พอหมอเห็นก็ให้หมอสมองมา ทำซีทีสแกน ต้องฉีดสีเข้าไปนะ ทำซีทีสแกน เส้นเลือดในสมองปกติ ไม่เกี่ยวอะไรกับเส้นเลือด หมอสันนิษฐานว่าถ้าไม่ใช่หูชั้นกลางก็สมองน้อยอักเสบ เราก็มีความกังวล แม่เขาก็พิมพ์อาการลูกลงไปในแอปฯ สีฟ้า มีคนเข้ามาตอบเยอะพอสมควร ทำให้เรารู้ว่าอ๋อ มีโรคแบบนี้นะ คุณหมอบอกว่าน่าจะเกิดจากสมองน้อยอักเสบ เกิดจากการที่เขาภูมิต้านทานสร้างมามากเกินไป เหมือนทำให้กระทบกระเทือน เหมือนเราคอแดง แต่ไปเกิดตรงสมองน้อย เกี่ยวกับการทรงตัว ทำให้ต้องใช้เวลา ให้สเตียรอยด์แบบฉีดเข้าเส้น ให้ประมาณ 7 วัน แล้วกลับมากินที่บ้านต่อ น่าจะนานเหมือนกัน
ดวงดาว : เขาเลยเหมือนกินอะไรไม่อิ่ม กินเยอะมาก กลับมาบ้านก็ยังยืนไม่ได้นะคะ นึกภาพคนนอนบนเตียง 11 วัน ขาไม่ค่อยมีแรง ต้องค่อยๆ กลับมาหัดเดิน เราก็คอยสังเกตเขาตลอด ห้ามขึ้นบันได ดูเขาทุกฝีก้าว ก็ค่อยๆ ฟื้นตัว
รักษาวิทยาศาสตร์ก็ส่วนนึง แต่ก็พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วย?
ดวงดาว : ใช่ ตอนนั้นเราเป็นเพื่อนกับคุณดวงใจ เขาโทรมาหาเราว่าแตไปขอลูกจากพระครูบาไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่จุดธูปแล้วบอกท่าน ว่าลูกเราเป็นแบบนี้ ขอท่านสิ ก็เล่าให้พ่อกับแม่เขาฟัง ตัวเราเองออกมาจุดธูปกลางแจ้งคืนนั้นเลย บอกกล่าวท่านว่าตอนนี้มียาเป็นแบบนี้ ขอให้หมอรักษาให้หายได้ถูกจุด ถ้ามียาหาย เราจะไม่ทานเนื้อสัตว์เลยตลอดชีวิตทุกวันพุธ มียาเกิดวันพุธ จะไม่กินเนื้อสัตว์ทุกวันพุธตลอดชีวิต เพื่อเป็นกุศลให้กับหลาน เราก็บอกพ่อแม่เขา พ่อแม่เขาก็จุดธูปกลางแจ้งเหมือนกัน
เติ้ล : งดกินเนื้อสัตว์เดือนนึง จากนั้นก็ไม่กินเนื้อสัตว์ทุกวันพุธเหมือนย่า
จากนั้นมาเกิดอะไรขึ้น?
เติ้ล : อาจจะเพราะยาเขาครบโดสด้วย เขาก็เริ่มดีขึ้น จากลุกขึ้นมานั่งได้ ก็เริ่มเดินได้ แต่ระหว่างเดินได้ก็ยังเดินแบบทรงตัวไม่ได้นะ คุณหมอที่ดูแลเขาตั้งแต่เด็ก ก็น่ารักมาก เอาใจช่วย ตอนหลังเขาลุกเดินได้มากขึ้นเพราะอยากกลับบ้าน
ดวงดาว : พวกเราใจแทบแย่เลย
ตอนนี้หายหรือยัง?
เติ้ล : หายแล้วครับ เต้นทุกวัน ก็ซนได้เต็มที่เลย
ดวงดาว : น้องเติ้ลกับมียา ตอนเลี้ยงเหมือนกัน เขาชอบแสดงเหมือนกัน เสื้อผ้าต้องเลือกเอง นุ่งกางเกงสีเขียว เสื้อสีแดง ซึ่งเราบอกไม่ได้ แต่เขาไม่เอา เขาเป็นตัวเดียว ต้องเข้าห้องน้ำตลอด เอาน้ำเสยผมให้ตั้ง คิดพล็อตแสดงเอง ให้พี่น้องเล่น เขาเป็นพระเอกตลอดเวลา เป็นพระเอกที่โดนยิงตายไม่ได้นะ เขาต้องไม่มีการตาย ไปสมัครกับคุณตา อยากเล่นหนัง ไปแสดงให้ดู คุณตาก็เลยให้เล่นหวานมันฉันคือเธอมั้ง แต่ตอนเขาเรียนอนุบาลมีแมวมองมาดูเขาที่โรงเรียนเอาไปถ่ายโฆษณา ยาสีฟันดาร์กี้ โดยไม่รู้ลูกเต้าเหล่าใคร ไปดูได้ตั้งแต่ตอนนั้น มีแวว พ่อลูกไม่ได้ต่างกันเลย
ข้อไม่ดี?
ดวงดาว : เขาไม่ถึงกับดื้อนะ แต่ไม่ชอบการเรียน ครูจะเล่าให้ฟังว่า ครูสอนอะไรไป ตะวันมองไปนอกหน้าต่าง นึกอะไรในใจไม่รู้ วันดีคืนดีไปนอนหน้าห้องครูใหญ่ เอามือก่ายหน้าผาก คงมีจินตนาการของเขา เรียนหนังสือไม่ได้เลย สมัยก่อนการเรียนสำคัญต้องให้ผ่าน ไม่มีเกรดนะ มีเปอร์เซ็นต์ เราก็ลุ้นลูกตลอดเวลา เรียนไม่ได้ เรียนไม่เก่ง ทำยังไง ถ้าน้องเรียนเปอร์เซ็นต์ไม่ดีขึ้น แม่จะให้น้องไปอยู่โรงเรียนประจำนะ ก็ยังไม่ดีขึ้น จับส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ ซึ่งก็ไม่ได้ดีขึ้น เหมือนเดิม วันศุกร์โทรมาถามว่าแม่จะมารับน้องกี่โมง จนครูโทรมาบอกว่าคุณดวงดาว มารับน้องไปเถอะ ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายก็กลับมาอยู่เหมือนเดิม
คิดอะไรอยู่?
เติ้ล : ไม่รู้เหมือนกัน เราคิดเองนะ ไม่ได้โทษใคร เรารู้สึกว่าพอเราเติบโตขึ้น ได้เรียนในสิ่งที่เราอยากเรียน หรือสนุกกับการเรียน ก็ทำให้ตั้งใจเรียน อยากรู้กับมันจริงๆ ระบบการศึกษาเรา จะพูดดีมั้ย (หัวเราะ) เฉพาะเราดีกว่า ยุคนี้เราก็รู้สึกว่าอยากให้ลูกเราไปอยู่ในโรงเรียนและมีความสุขก่อน จากนั้นพอเขาอยู่ถูกที่ เราคิดว่าตัวเราเองต้องการคนที่เขามาดูแลใส่ใจกับเราเรื่องการเรียนมากกว่านี้ แทนที่จะเรียนไปๆ อาจต้องหลอกล่อนิดนึงพอให้เรารักการเรียน พอเราไม่รักการเรียน เราก็รู้สึกว่าตรงนี้ไม่ใช่ที่ของเรา
เติ้ลเกิดมาเพื่อสิ่งนี้?
เติ้ล : เพื่อนกันเฉพาะวันสอบ เพื่อนจำเราได้เปล่า เติ้ลไง (หัวเราะ)
ตอนเรียนเพื่อนไม่มาเลย แต่ตอนจะสอบ เพื่อนมาสอบก่อน?
ดวงดาว : ต้องตามไปลงทะเบียน เขาถ่ายละครด้วย
เติ้ล : มีหลายคน เบนซ์ ยุ้ย สำคัญคือวีเจเอก มานอนที่บ้าน คอยติวหนังสือกัน
สุดท้ายได้เกรดดีมาก?
เติ้ล : ไม่ถึงกับดีมาก แต่ถ้าเทียบกับที่เป็นอยู่คือดีมาก คงตรงกับวิชาที่เราเรียน ทำให้เกรดเฉลี่ยเราโอเค แต่ไม่ถึงขนาดได้เหรียญ
ดวงดาว : ตอนเด็กเขาก็ชอบสะพายย่าม เราก็กลุ้มใจ
ตอนนั้นก็จีบนางเอกที่เล่นละครด้วย?
เติ้ล : จริงๆ เป็นคนขี้เล่น ชอบสนิทกับน้อง เราซื้อคุกกี้มาแล้วเขียนโน้ตให้ ปรากฏว่าเขามาหาคุณดวงดาว ถามว่าทำไมเราทำแบบนี้ แม่เล่าให้ฟัง เราก็เลยถอยฉีกตัวเองมา ดูจากสาระร่าง และสภาพแล้ว สะพายย่ามเซอร์ๆ
ดวงดาว : แม่จำไม่ได้ (หัวเราะ)
หวงลูกชายมาก?
ดวงดาว : ยอมรับ เหมือนตัวเรารู้สึกว่าอยากให้ลูกโฟกัสเรื่องการเรียน สมัยก่อนการเรียนสำคัญ ไม่อยากให้เขามีรักก่อนวัยอันควร เวลาเล่นละครกับใครกุ๊กกิ๊กๆ ผู้หญิงโทรมาที่บ้าน เรารับโทรศัพท์ก็บอกว่าอยากให้คบกันเป็นเพื่อนกันไปก่อน (หัวเราะ) พูดกับผู้หญิง (หัวเราะ)
ตั้งเป้าว่าอายุเท่าไหร่ถึงแต่งงานได้?
ดวงดาว : 30 ขึ้น เพราะรู้สึกว่ามีความมั่นคงทางอารมณ์ หรือการตัดสินใจ พร้อมมีครอบครัวได้
ได้ลูกสะใภ้ที่ต้องการ โดยมีเพื่อนพากันไปดู มีจุดพิเศษที่คนนี้เป็นลูกสะใภ้เราได้?
ดวงดาว : (หัวเราะ) ตอนนั้นมีโรงเรียนบัลเล่ต์ พี่เปิ้ล หัทยา ชวนไปดู กระแตเขาก็เต้นอยู่บนเวทีนั้นด้วย กับลูกศิษย์เขาหลายๆ คน เราก็ไปนั่งอยู่กับคุณทัศน์วรรณ เจ้าเปิ้ลเขาบอกให้ดูคนนี้ โยก็สะกิดเลยพี่ดาวๆ นมผ่าน (หัวเราะ)
เป็นสะใภ้ได้เพราะนมผ่าน?
ดวงดาว : ตอนนั้นเขาอวบกว่านี้ พอหลังจากมีลูกเขาก็ผอมลง
กระแต : เราเพิ่งทราบตอนหลัง พี่เติ้ลเขาเล่าให้ฟัง
เขาหวงลูกชายจริงมั้ย?
กระแต : ตอนหนูคบก็ไม่ได้ขนาดนั้น แต่คุณแม่เขาสตริก ตอนนั้นเขาถ่ายละคร ต้องดูแลรูปร่าง อดอาหารเป็นเรื่องพวกนั้นกับตัวพี่เติ้ลมากกว่า ไม่ได้เกี่ยวกับเรา
มีเหมือนในละคร คุณแม่สามีกับอนาคตลูกสะใภ้?
กระแต : ไม่ค่อยมีค่ะ (หัวเราะ)
ดวงดาว : ต้องบอกว่าไม่มี เขาก็คบกันไป ไม่ค่อยได้เจอ คนมาเป็นเมียสำคัญที่สุด เพราะจะประคองชีวิตไปด้วยกันได้รอด ทำมาหากินเป็นกำลังใจให้กันทุกอย่าง เคยคุยกับเขาเหมือนกันว่าไม่ว่าจะถูกหรือผิด แตต้องเข้าข้างพี่เติ้ลไว้ก่อน ต้องซัปพอร์ต ต้องเป็นพวก เป็นเพื่อน นี่คือหลักในการครองคู่ ไม่งั้นจะไม่รอด นี่เคยคุยกับเขา
คาแรกเตอร์อาดาว ดูดุ อยู่บ้านดุมั้ย?
เติ้ล : แม่เขาเป็นคนเพอร์เฟกต์ชั่นนิสต์ เขาเป็นคนมีระเบียบ แต่เราก็ไม่ค่อยมีซะด้วยสิ (หัวเราะ) แม่สะอาด
ดวงดาว : เมื่อก่อนหนวดขึ้นแล้วต้องเป็นพระเอก เราก็พาไปเลเซอร์ให้ขนมันเล็กลง หนวดชอบปล่อย มีสิว มีหนวด เล็บต้องคอยบอกตลอด น้อง ตัดเล็บ น้อง โกนหนวด ดูแลตัวเอง
เปลี่ยนพี่เลี้ยงมาแล้ว 12 คน จริงมั้ย?
เติ้ล : ใช่ 6 ขวบ 12 คน
ทุกคนผ่านการสัมภาษณ์จากคุณย่า?
เติ้ล : สองคนแรกไม่ได้ผ่าน แต่หลังจากนั้นผ่านคุณย่า
คุณย่าสกรีนยังไง?
ดวงดาว : เราให้เขาดูแลสิ่งที่เขารักที่สุดในชีวิต ก็อยากฟังทัศนคติ ดูท่าทางเขา แต่สุดท้ายจริงๆ แล้วถ้าถามอาดาว มันเหมือนต้องบุญกุศลคู่กันได้ถึงแมตซ์ลงตัว ก็มาพี่ปาล์มนี่แหละ จริงๆ คนแรกก็ดีนะ ป้ามล ตอนนี้มียาไม่เคยลืมป้ามลเลย
กระแต : คนแรกเขาเป็นแม่บ้านมาก่อน แล้วอยู่จนเราท้อง จนเราคลอด แต่อยู่ประมาณเกือบๆ ปี เขาไปกลับไม่ไหว
ดวงดาว : ด้วยสรีระเขาด้วย เขาอ้วน การคล่องแคล่วมียาก็มีเยอะมาก
เติ้ล : เราเปลี่ยนช่วงที่พัฒนาการเติบโตของเขาเปลี่ยนแปลงไปด้วย เขามีความคิดแบบใหม่ ไม่ชอบใครมาดุเขา ใครบังคับเขา หลอกผีเขาจะไม่ได้ เราไม่ชอบ
ดวงดาว : แต่ละบ้านการเลี้ยงดูแตกต่างกัน ดังนั้นคนกำหนดทิศทางการเลี้ยงดูต้องเป็นพ่อกับแม่ ไม่ใช่พี่เลี้ยง พี่เลี้ยงจะมากำหนดไม่ได้ว่าซ้ายขวา ต้องพ่อกับแม่เท่านั้น เพราะคนนี้คือเลี้ยงเขาไปจนกว่าจะเติบโต
คุณย่าเป็นฝ่ายสปอยล์?
ดวงดาว : ก็แหม มีหลานสาวคนเดียว แต่เวลาจะซื้ออะไรให้หลานก็ถามแม่เขาก่อนนะ ว่าย่าอยากซื้ออันนี้โอเคไหม
ชีวิตจริง ไม่ได้สปอยล์เลย แค่ทุบบ้านเพื่อตามใจหลาน ดูฮวงจุ้ยเพื่อความสบายใจของหลาน?
ดวงดาว : ตอนนั้นได้คุยกันอยู่แล้วว่าถ้าเขาคลอด จะเอาลูกมาอยู่กับเรา เราเลยต้องดูนิดนึง ฮวงจุ้ยยังไง นอนห้องไหนดี วางซิงค์ล้างมือตรงไหน ต้องทุบแล้วทำ จากห้องเรามีห้องรับแขก ห้องนั่งเล่นดีๆ ก็ไม่มีแล้ว ต่อมาเป็นห้องนอนของเขา จนถึงวันนี้เราถามเขา เพราะอยากเอาบ้านเรากลับคืนมา ถามว่าน้องจะยังไง เขาบอกน้องยังมาอยู่ ถ้ามาแล้วแม่เปลี่ยนแปลงแล้วน้องจะนอนที่ไหน สรุปบ้านก็ยังเหมือนเดิม กี่เดือนไม่รู้ถึงมานอนกับแม่ที
มีความลับที่ยังไม่ได้บอกลูกชายและสะใภ้?
ดวงดาว : ไปเล่นละครที่คณะคุณกระแตเขาเป็นผู้จัด แต่ทำตัวประหนึ่งเป็นผู้จัด ดูแลทุกอย่างหมด (หัวเราะ) เราแสดงเรื่องนั้นอยู่ คอยดูหมด เอ๊ะ 8 โมงทำไมไม่ถ่าย ทำหน้าที่แทนเขา ในกองก็คงไม่ชอบหรอก ไม่ใช่หน้าที่นักแสดงอย่างเดียวนะ หน้าที่ดูแลควบคุมกองไปในตัวด้วย
ลูกๆ เคยรู้มั้ย?
กระแต : มีลูกน้องบอกอยู่แล้ว แต่เราอุ่นใจค่ะ
ดวงดาว : คุณกระแตอุ่นใจ แต่ทีมงานคงไม่ (หัวเราะ) แต่เรื่องธรรมดามั้ย ถ้าทำงานไม่ตามเป้า เงินก็งอกๆ คิวก็งอกๆ ถูกมั้ย
คลิปสัมภาษณ์ https://youtu.be/6M0xcGUTYb8