"นริศ"ห่วงนักการเมืองโดนดิสเครดิต ถูกตราหน้าไม่ดี วอนแยกแยะเป็นปัญหาเฉพาะตัวบุคคล
เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 67 นายนริศ ขำนุรักษ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า การเมืองในช่วงนี้มีความร้อนแรง ในขณะที่ตัวนักการเมืองเองต่างถูกดิสเครดิต ด้วยวาทกรรมต่างๆ ทั้งๆ ที่บางวาทกรรมก็เป็นการกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานอันเป็นที่ประจักษ์ก็มี และจากวาทกรรมบั่นทอนอาชีพนักการเมืองนี้เอง ยังเป็นการบั่นทอนความเข้าใจและความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยอีกด้วย ยกตัวอย่างกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุข ถูกสังคมพิพากษาจากกรณียาบ้า 5 เม็ด และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ถูกทำลายความน่าเชื่อถือจากความพยายามนำข้าวจากโครงการรับจำนำออกมาประมูล นายไชยา พรหมา อดีต รมช. เกษตรฯ ต้องถูกปรับออกจาก ครม. หลังทำงานไม่เข้าขากับเจ้ากระทรวง ทั้งที่นายไชยา เป็นอดีต ส.ส. มาแล้วถึง 9 สมัยและทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ส่วนกรณีของนายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกฯ และ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ และกรณีนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช. คลัง ที่ยื่นลาออกด้วยสาเหตุใกล้เคียงกันคือเกิดจากปัญหาการแบ่งงาน ซ้ำเติมสถานการณ์ทางการเมืองให้เลวร้ายลงไปอีก นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองรุ่นใหม่อย่างหัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่นอกจากต้องถูกเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ไล่ล่าแล้ว ก็ยังถูกกระแสตีกลับหลังจากออกมาวิจารณ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท. ) ส่วน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีใหม่ น.ส.จิราพร สินธุไพร นั้น ตนก็เชื่อว่าเรื่องเหมืองทองอัคราจะกลับมาทำร้ายเอาได้เช่นกัน
นายนริศ กล่าวต่อว่า แม้ว่าเรื่องนี้อาจจะมีคนเห็นแย้งว่านักการเมืองทุกคนก็ไม่ได้เป็นคนดีไปทั้งหมด ซึ่งตนก็เห็นด้วยและยอมรับว่านักการเมืองมีทั้งดีและไม่ดีก็มี แต่การที่มีนักการเมืองถูกตราหน้าว่าเป็นนักการเมืองไม่ดี ก็อาจมีที่มาจากการถูกดิสเครดิต ทั้งจากคนกันเอง หรือถูกสังคมดิสเครดิตจนทำให้ไม่เป็นที่ยอมรับเช่นกัน ขอให้แยกแยะว่าบางคนเป็นปัญหาเฉพาะบุคคลนั้นๆ และไม่เป็นปัญหาต่อความเชื่อมั่นของระบอบประชาธิปไตย