อธิบดีกรมการค้าภายในลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานีแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ขอความร่วมมือโรงงานตรึงราคารับซื้อ
เมื่อวันที่ 8 พ.ค.67 นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน พร้อมด้วย นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ตัวแทนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่ ที่บริษัท ทักษิณอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (1993) จํากัด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อพบปะหารือถึงสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมัน และแนวทางการแก้ไขปัญหา ร่วมกับ ผู้ประกอบการ ตัวแทนเกษตรกร ส่วนราชการในพื้นที่
โดยสถานการณ์ราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมัน ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 4.00 – 4.80 บาทต่อ กก. ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจาก ภาวะฝนทิ้งช่วงยาวนาน ผลผลิตปาล์มน้ำมันขาดน้ำ ส่งผลให้เปอร์เซ็นการสกัดน้ำมันลดลงเหลือประมาณ 14% ทำให้โรงงานต้องปรับลดราคารับซื้อลง รวมถึงจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ยังส่งผลให้เกิดภาวะปาล์มสุกแดด คือสีผลปาล์มเป็นสีส้มแดง แต่ด้านในยังไม่สุก ขณะที่ในแต่ละทลายจำนวนผลปาล์มที่ใช้การได้ เทียบกับตัวทลายและผลที่ไม่ได้ผสมพันธุ์ในสัดส่วน 50 ต่อ 50 ยิ่งทำให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันยิ่งต่ำลงไปอีก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับราคารับซื้อผลปาล์ม แม้ว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูง 30 – 31 บาทต่อกิโลกรัมก็ตาม
ด้านอธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า จากการพูดคุยกับทุกฝ่ายประกอบกับข้อมูลสถิติการสกัดน้ำมันปาล์ม จะเห็นได้ว่า ในช่วงหน้าร้อนของทุกปี เปอร์เซ็นการสกัดน้ำมันปาล์มจะลดลงทุกปี แต่ด้วยสถานการณ์ภัยแล้งปีนี้ ที่รุนแรงกว่าทุกปี ทำให้เปอร์เซ็นการสกัดต่ำกว่าหลายปีที่ผ่านมา แต่เมื่อสภาพภูมิอากาศดีขึ้น สถานการณ์ก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ การทำปาล์มน้ำมันคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อห่วงโซ่การผลิตปาล์มทั้งระบบ ทั้งราคารับซื้อผลปาล์มที่สูงขึ้น เฉลี่ยเปอร์เซ็นละ 20 – 30 สตางค์ โรงงานได้ผลผลิตที่มีคุณภาพมีต้นทุนลดลง ดังนั้นในระยะสั้น จึงต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยได้ขอความร่วมมือ ผู้ประกอบการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ตรึงราคารับซื้อในช่วงนี้ไว้ก่อน และหากเกษตรกร สามารถร่วมกลุ่มหรือดำเนินการรวมผลิตที่มีคุณภาพ ผ่านสหกรณ์ เพื่อส่งขายให้โรงงาน โรงงานก็พร้อมที่จะทำข้อตกลงรับซื้อในราคาที่สูงขึ้น เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนกลไกอื่นๆ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็จะเข้ามาดูเรื่องการแก้ไขปัญหาโรคพืช การบำรุงรักษาปาล์มน้ำมัน ให้มีผลผลิตที่ดี ส่วนเรื่องต้นกล้าปาล์มน้ำมันคุณภาพ สายพันธุ์ดี ที่กำลังขาดแคลน จะต้องวางกรอบแนวทางการจำหน่าย ให้เกิดการกระจายอย่างทั่วถึง เพราะจะส่งผลต่อการผลิตปาล์มในระยะยาว ส่วนตำรวจสอบสวนกลาง และฝ่ายความมั่นคง ก็จะเข้ามาร่วมกับ กระทรวงพาณิชย์ ในการกวดขันดูแลไม่ให้มีการทำลูกร่วงผิดธรรมชาติ เช่น การรดน้ำ การใส่ตะแกรงแยกลูกร่วง ขณะที่ข้อเสนอเรื่องการฝึกอบรม หรือขึ้นทะเบียนคนตัดปาล์ม ให้มีทักษะในการตัดปาล์มที่มีคุณภาพ เรื่องนี้เป็ยข้อเสนอที่ดี โดยมอบให้พาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำร่องโครงการที่ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นต้นแบบ แต่ต้องเน้นย้ำ เรื่องความตระหนักและความสูญเสีย หากตัดและขายผลปาล์มดิบ ปาล์มไม่ได้คุณภาพ ที่กระทบต่อการผลิตน้ำมันปาล์มทั้งระบบ