นายก อบจ.ชัยภูมิรับเรื่องร้องทุกข์ภัยแล้ง พร้อมประสานด่วน "ธรรมนัส"ฟื้น "บึงละหาน" แหล่งน้ำจืดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ หลังแล้งหนัก ส่งผลให้สินค้าเกษตรเสียหาย ชาวบ้านขาดน้ำอุปโภค บริโภค
เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 67 นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ (พปขร.) กล่าวว่า จากปัญหาภัยแล้งใน จ.ชัยภูมิ ล่าสุด นายอร่าม โล่ห์วีระ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ชัยภูมิ รับเรื่องร้องทุกข์ จากนายสุขุม สินสายออ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัวบาน และชาวบ้าน ต.หนองบัวบาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ เพื่อขอให้เร่งรัดประสาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้ช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งบึงละหาน แหล่งน้ำสำคัญหล่อเลี้ยงหลายอำเภอใน จ.ชัยภูมิ
นายอัครแสนคีรี กล่าวว่า โดยบึงละหาน ซึ่งถือเป็นทะเลสาบน้ำจืดธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย มีประชาชนที่อาศัยโดยรอบ 5,035 ครัวเรือน กว่า 20 หมู่บ้าน ที่ได้ใช้น้ำจากบึงแห่งนี้ เพื่อการอุปโภค บริโภค เกษตรกรรม และทำการประมงน้ำจืด สร้างรายได้ให้กับครัวเรือนมากกว่า 60% ของรายได้ทั้งหมด ปัจจุบันพบว่า บึงละหาน มีความตื้นเขิน ตามรอบขอบริมบึง สินค้าเกษตรล้มตาย ด้วยน้ำมีค่าความเค็มสูงเมื่อระดับน้ำในบึงลดต่ำลง และชาวบ้านยังมีความต้องการน้ำเพื่อการเกษตรเพิ่มขึ้น ปัญหาวัชพืชจำนวนมาก เช่น ผักตบชวาหนาแน่นเต็มพื้นที่ผิวน้ำ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำในบึงและภัยคุกคามที่หนักที่สุดขณะนี้ คือบึงละหาน ได้ถูกประกาศเป็นเขตห้ามล่า เต็มพื้นที่บึงละหาน ส่งผลกระทบต่อวิถียังชีพ ของประชาชนในพื้นที่ตลอดจนถนนรอบบึงก็ชำรุดทรุดโทรม เป็นอันตรายสำหรับผู้ใช้เส้นทางรอบบึงละหาน และไฟฟ้าส่องสว่างตามเส้นทางรอบบึง ก็ยังไม่มี
"ดังนั้นประชาชน ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ จึงมีความเห็นร่วมกันว่า พื้นที่บึงละหาน ควรให้ร.อ.ธรรมนัส รมว.เกษตรและสหกรณ์ เข้ามามีบทบาทในการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อบริหารจัดการการพัฒนาบึงละหาน และแก้ปัญหาในเชิงพื้นที่ร่วมกับประชาชน ผู้นำท้องถิ่น และผู้นำท้องที่ กับหน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการน้ำ ให้เพียงพอ กับการอุปโภคบริโภค การเกษตร และการกระจายน้ำเพื่อการเกษตร การประปา การประมงน้ำจืด การแบ่งส่วนพื้นที่การท่องเที่ยว การบริหารระบบนิเวศ โดยเฉพาะนกหายากในประเทศไทยหลายสายพันธุ์ ไฟฟ้าส่องสว่างรอบบึงละหาน ถนนรอบบึงละหาน พร้อมกับการพัฒนาบึงละหาน ทั้งระบบ เพราะที่ผ่านมาไม่มีส่วนราชการใด แสดงตนเป็นเจ้าภาพในการพัฒนาอย่างแท้จริง จึงขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาบึงละหานต่อไป" นายอัครแสนคีรี กล่าว