เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ! “เอส กันตพงศ์” เปิดใจวินาทีหมดสติหยุดหายใจกว่า 40 นาที หมดค่ารักษากว่า 5 ล้าน เผยคิดอยากบวชตลอดชีวิต?
"เอส กันตพงศ์" พระเอกและพิธีกรมากความสามารถที่าเปิดใจหลังหมดสติหยุดหายใจกว่า 40 นาที ความทรงจำเหลือ 20% จำภรรยาและลูกไม่ได้ !! เผยวิธีฟื้นความทรงจำเป็นเด็กแรกเกิดในร่างผู้ใหญ่และติดเครื่องกระตุ้นหัวใจตลอดเวลา พร้อมเผยเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ หลับไป 8 วันแต่มีคนเรียกให้กลับ ในรายการคุยแซ่บShow
ตอนนี้มีเรื่องอะไรที่ยังน่าเป็นห่วงอยู่ ?
เอส : หลายเรื่องที่ทุกคนเป็นห่วงหลักๆ คือสุขภาพประจำวันจะเป็นยังไง ร่างกายไม่มีปัญหาเลย ถ้าพูดเรื่องสมองความจำในอดีตที่ตอนแรกทุกคนเป็นห่วง แต่สุดท้ายเข้าใจว่ามันไม่มีความหายเลยที่อยากจะไปรื้อความจำในอดีตทำไม ถ้าสมองของผมตอนนี้โอเคแล้ว ตอนนี้การทำงานของสมองในปัจจุบันเกือบ 100% แล้ว
ณ ตอนนี้อะไรที่จำไม่ได้และอะไรที่จำได้บ้างในเรื่องของอดีต ?
เอส : อะไรที่จำไม่ได้ในเรื่องของอดีตซึ่งควรเป็นเรื่องที่จำได้ รหัสมือถือ บัญชีธนาคาร รหัสหุ้นต่างๆ จำไม่ได้เลย ทุกวันนี้ก็ยังจำไม่ได้
ถ้าเป็นเรื่องตัวเลขจะจำยาก ?
เอส : ผมเป็นคนเก่งเลข ชอบคณิตศาสตร์ คือผมเป็นคนไม่โลภ ไม่ได้ต้องการมีเงิน อาจจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นความฝันอย่างอื่น การช่วยเหลือคน การทำเพื่อสังคมอันนี้จำได้ แต่ว่าเรื่องของตัวเอง เรื่องของเงินตัวเองจำไม่ได้
แก้ไขยังไงพวกรหัส ?
เอส : แก้ไม่ได้เลยครับ ผมพยายามหลายวิธี มือถือก็ไปคุยกับบริษัท เขาบอกว่าสามารถเปิดให้ได้แต่เขาต้องลบข้อมูลทุกอย่างทิ้งหมดเลย ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์ในการที่จะไปทำ
รหัสหุ้นทำยังไง ?
เอส : มีคุณแม่และภรรยา แต่ไม่มีใครรู้ความลับของผมเลย อันนี้ยอมรับว่าเป็นข้อเสียของตัวผม ก็ถือว่าทำบุญไปก็แล้วกัน ตอนนี้ก็มีหลายบริษัทติดต่อมา เราไม่รู้เลยว่าเรามีกี่บริษัทที่เราถือหุ้นอยู่ งั้นก็ถือว่าบริจาคไป
รู้ตัวเลขที่สูญเสียไปกับหุ้นเท่าไหร่ ?
เอส : ไม่รู้ครับ มีรู้แค่บางส่วนที่ติดต่อมา แต่ก็มีเพื่อน ผู้ใหญ่ที่สนิทบอกว่า เอสเคยถืออันนี้เท่านี้ มีพกเงินสดเท่านี้ ผมเป็นคนชอบใช้เงินสด เป็นคนไม่ชอบใช้บัญชีธนาคาร เพราะเงินสดทำให้เราไม่ประมาทและประหยัด เพราะเราจะรู้ว่าใช้ไปเท่าไหร่ แต่ประเด็นคือผมเก็บไว้เท่าไหร่ก็ไม่มีใครรู้อีก อันนี้ก็เป็นข้อเสียของผมจริงๆ
หยุดหายใจไปนานเท่าไหร่ ?
เอส : 40 นาที คุณหมอท่านแรกช่วยปั๊มคนเดียว 20 นาที ไปส่งโรงพยาบาลช่วยปั๊มอีก 20 นาที ก็ประมาณ 40 นาที
วันที่หลับไป 40 นาที ตอนฟื้นขึ้นมาอาจจะยังจะไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนได้บอกมั้ยว่าวันที่เกิดเหตุเกิดจากอะไร ?
เอส : ยังไม่มีใครทราบว่าเป็นอะไรยังไง เกิดขึ้นได้ยังไง คุณหมอก็ยังสันนิษฐานไม่ได้
ขอถามคุณแม่ วันที่เกิดเหตุคุณหมอได้อธิบายมั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงฟุบไปเลย ?
คุณแม่ : ตัวแม่คิดเองว่าเขางานเยอะมากช่วงนั้น พักผ่อนน้อย ก่อนหน้านี้เป็นโควิดอาจจะเป็นลองโควิดด้วยผสมกัน คิดว่าเป็นแบบนั้น
จากที่งานคุณหมอทำอะไรบ้าง ปั๊มหัวใจ เอาขึ้นรถ แล้วไปที่โรงพยาบาล ?
เอส : ใช่ครับ ถึงที่โรงพยาบาลปั๊มอีก 20 นาที รวมเป็น 40 นาที
การปั๊มหัวใจมีผลกระทบต่างๆ ระบบข้างในพัง ?
เอส : บางคนบอกเหมือนคนตายแล้วเกิดใหม่ มันพังทั้งหมด กล้ามที่เคยมีหายหมด ทุกอย่างหายหมด พังหมด คุณแม่บอกว่ามีฟอกไต แต่ผมจำไม่ได้เลย
ตอนที่อยู่โรงพยาบาลที่หลับไป 8 คืน ฟื้นขึ้นมาก็ยังจำอะไรไม่ได้ ?
เอส : ฟื้นขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้ ต้องอีกซักเดือนกว่า สองเดือนถึงจะคุยกับใครรู้เรื่อง นอกนั้นก็คุยไม่รู้เรื่อง คุยแต่เรื่องจะไปทำงาน ที่ญาติๆ เล่าให้ฟัง แล้วก็พูดแต่ภาษาอังกฤษ อาจจะเป็นเพราะว่าผมอยู่กับภรรยาแล้วพูดแต่ภาษาอังกฤษกันเป็นหลัก ฟื้นมาพูดแต่ภาษาอังกฤษ
ตอนแรกคุณแม่ยังไม่แน่ใจว่าจำอะไรได้หรือจำอะไรไม่ได้ เพราะยังใส่ท่ออยู่ ยังไม่ได้พูดเต็มที่ แต่พอเอาท่อออกแล้ว ทางบ้านถึงจะรู้ว่ายังจำคุณ่พ่อ คุณแม่ น้อง ไม่ได้เลย ?
เอส : แรกๆ ที่คุณแม่บอกคือซักพักแรกๆ อาจจะยังจำใครไม่ได้เลย แต่แป๊บเดียวจำคนใกล้ชิดได้มากกว่า คือคุณพ่อคุณแม่ ญาติๆ หลังจากฟื้นมาจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ว่าถึงจะเริ่มมาจำว่านี่คือคนใกล้ตัว จำคนใกล้ตัวได้ก่อน
พอเขาถอดท่อออก เราเห็นใครไม่รู้ยืนอยู่แล้วเรารู้สึกไม่รู้ว่าใคร ?
เอส : อันนี้ผมจำไม่ได้เลยจริงๆ แม้กระทั่งเหตุการณ์โรงพยาบาลที่1 ที่ 2 ทุกวันนี้ผมมาจำได้แค่โรงพยาบาลที่ 2 ที่เหลือคือว่างเปล่าหมดเลยก็คือให้ญาติๆ เล่าให้ฟัง ให้เริ่มดูคลิปว่าเกิดอะไรขึ้น
คุณแม่ตอนที่เขาฟื้นขึ้นมาหลังจากที่หลับไป ครั้งแรกที่เขาพูดได้เขาจำคุณแม่ไม่ได้เลยหรือว่าต้องบอกเขายังไง ?
คุณแม่ : เกือบเดือนถึงจะจำคนในครอบครัวได้ หลังจากที่ฟื้นก็มีสองอาทิตย์
ระหว่างที่เขาจำเราไม่ได้เขามองเรายังไง ?
คุณแม่ : ในความคิดของเขา เราบอกเป็นแม่ เวลาเรียกเขาก็เรียกแม่ครับๆ
เอส : ขอบคุณที่ถามเพราะอันนี้เป็นข้อมูลใหม่ที่ผมเพิ่งรู้เหมือนกัน อยากจะรู้ว่าตอนที่มอง ตอนนั้นเอสพูดได้หรือยังครับ
คุณแม่ : ยังพูดไม่ได้ ตอนลืมตายังพูดไม่ได้ ถ้าพูดก็พูดไม่เป็นคำ เหมือนเด็กหัดพูด
เอส : เพราะฉะนั้นอาจจะจำได้ แต่อาจจะพูดไม่ได้ก็ได้ว่านี่คือใคร
ในความเป็นแม่ที่เห็นว่าลูกจำเราไม่ได้ ณ ตอนนั้นมันแย่แค่ไหน ?
คุณแม่ : คือเรื่องแย่มันแย่ตั้งแต่วันแรกอยู่แล้ว แต่เราเข้าใจว่าคนที่ป่วยแล้วมีอาการแบบนี้ ต้องใช้เวลา ต้องให้เวลาเขา เราเตรียมใจอยู่แล้วว่าจำได้หรือไม่ได้ไม่เป็นไร เดี๋ยวหลังจากนี้เราค่อยๆ ฟื้นฟูเขา
คุณหมอได้บอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าเขาฟื้นมาเขาอาจจะจำใครไม่ได้ ?
คุณแม่ : ใช่ คุณหมอบอกเลย 50 50
เอส : เห็นคุณแม่บอกเป็นผู้ป่วยติดเตียงเลยด้วยซ้ำ เป็นผู้พิการเลย คุณหมอบอกว่าฟื้นมาก็โชคดีแล้วแต่อาจจะโชคดีไม่สุดก็คือกลายเป็นผู้พิการที่คุณหมอสันนิษฐาน
ช่วงที่เริ่มจะจำได้ คุณแม่เองก็ต้องคอยเล่าและบอกว่าคนนี้คือใครทำอะไร เอารูปมาให้ดู อธิบายเขา ?
คุณแม่ : ใช่ค่ะ เอารูปเก่าๆ มาให้เขาดู คลิปที่เขาเคยทำงาน ตอนนั้นเขาก็ยังจำไม่ได้
ตอนฟื้นมาแล้วเจอภรรยาจำได้เลยไหม ?
เอส : เห็นที่คุณแม่เล่าให้ฟังก็บอกว่าซักพักเหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจเพราะตอนนั้นผมพูดไม่ได้ ก็เลยไม่แน่ใจว่าจำ ได้เลยตั้งแต่แรกหรือเปล่า แต่ที่ถามๆ ก็คือจะจำได้แค่นี้ คุณพ่อ คุณแม่ ภรรยา ลูกสาว ครอบครัว คนใกล้ตัว
การรักษาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าที่จะกลับมาพูดได้แบบนี้ เหมือนสอนเด็กเพิ่งเกิดใหม่ ?
เอส : อาบน้ำ แปรงฟัน ทานอาหาร สอนเหมือนเด็กเพิ่งเกิดจริงๆ ถ้าปวดปัสสาวะเข้าห้องน้ำทำแบบนี้นะ ตอนนั้นแอบรู้สึกหงุดหงิดเหมือนกัน เพราะผมจำได้ว่าผมเป็นผู้ใหญ่ แล้วญาติๆ ผมเป็นผู้หญิง ผมกำลังจะอาบน้ำทำไมเข้ามาอย่างนี้ พอออกจากโรงพยาบาล ญาติๆ ให้ดูคลิปวีดีโอ ขอบคุณมากที่เข้าไปสอน ควรแล้วแหละ เพราะเหมือนเด็กจริงๆ ไม่ใช่ว่าสอนแล้วจำได้เลย เหมือนเด็ก วันนี้สอน พรุ่งนี้ก็ต้องสอน วันมะรืนสอน สอนไปเรื่อยๆ ก็ยังจำไม่ได้
ต้องฝึกกี่เดือนเราถึงจะกลับมาจำทุกอย่างที่ต้องทำในแต่ละวันได้ ?
เอส : เอาจริงๆน่าจะ 8-9 เดือน อยู่โรงพยาบาลก็ใช่ว่าจะปกติ ฝังเรียบร้อยคุณหมอให้ออกมาได้ แต่เหตุผลที่พร้อมมาออกรายการแล้ว พร้อมพูดคุยกับพี่ๆ ทุกคนแล้ว เพราะผมเห็นตัวเองจริงๆ ว่าไม่เหมือนเดิม โชคดีเรายังมีคลิปแล้วได้เทียบตัวเอง อดีตของตัวเองกับปัจจุบัน ปัจจุบันทำไมพูดจาแบบนี้ ทำไมอารมณ์เป็นแบบนี้ อดีตไม่เป็นแบบนี้
เห็นบอกว่าดื้อด้วย ?
เอส : ใช่ เหมือนเด็กเลยครับ พอมานั่งเทียบน่าจะซักประมาณ 6-7 เดือน เกือบ 8 เดือน ที่รู้สึกว่าใกล้เคียงเดิม
เห็นว่าเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงก็ผลัดเปลี่ยนไปเยี่ยมแล้วก็สายมูก็เยอะ ?
เอส : เยอะเลยครับ ทั้งเพื่อนในวงการบันเทิง ผู้ใหญ่ ครอบครัว แฟนคลับ ทุกคนพอออกจากโรงพยาบาล มาเจอเขาก็จะเล่าให้ฟังว่า เขาไปทำอะไรในความเชื่อของเขา อย่างพี่เอ ศุภชัย ก็ไปทำให้ รู้สึกพี่เอไปทำให้ที่ฮ่องกงเลย ขอบคุณทุกคนมากๆ แต่ละคนก็จะมีความเชื่อของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
แล้วเจอพี่เอจำได้เลยมั้ย ?
เอส : ผมจำไม่ได้ว่าผมเจอพี่เอแล้วจำได้เลยมั้ย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลส่วนใหญ่จำแทบจะไม่ได้เลย จำได้บางอัน จำได้แค่ตอนเล่นเกมส์กับคุณหมอ
กว่าจะจำอะไรได้เยอะๆแบบนี้ไม่ใช่แค่คุยกัน ต้องมีกิจกรรม ต้องทำอะไรบ้าง ?
เอส : คุณหมอมาก็จะเล่นเกม โชคดีอย่างหนึ่งคือที่บ้านผมเองเป็นคนชอบหาเกมอะไรที่ฝึกสมองเยอะมากจะให้ลูกเล่น เป็นเกมของเยอรมันและเป็นเกมของอเมริกา แต่ในไทยก็มีเอาเข้ามาเยอะแล้ว ตอนแรกผมไม่รู้ว่าคุณหมอให้เล่นทำไม จนผมต้องถามคุณหมอให้ผมเล่นทำไม ตอนแรกคิดว่าแค่ให้ผมแก้เบื่อหรือเปล่า แต่คุณหมอบอกว่าเปล่า แต่มันฝึกสมองได้จริงๆ เรากำลังหาวิธีให้สมองของคุณได้ทำงานอย่างดีขึ้น เลยเล่นแบบนี้ทุกวัน คุณหมอจะเข้ามาตอนเช้าจะเล่นแบบนี้ประมาณชั่วโมงนึง ตอนช่วงเย็นก็จะไปออกกำลังกาย ไปวิ่ง วิ่งผ่านวอร์ดไปมา
ความทรงจำเกี่ยวกับภรรบาและลูกตอนนี้กลับมาเกือบร้อยหรือยัง ?
เอส : ถ้าเรื่องอดีตยังกลับมาไม่เยอะเท่าไหร่
จำโมเมนต์ความรักได้ ในความรู้สึกว่าคนนี้คือภรรรยาแล้วเรารักเขามาก ?
เอส : อันนี้จำได้ ความรู้สึกไม่ใช่แค่กับภรรยากับทุกคน ส่วนใหญ่จะจำได้ความรู้สึกดีๆ ใครที่เคยทำผมโกรธ จำไม่ได้เลย อันนี้ผมรู้สึกดีนะ เพื่อนชอบมาเล่าว่าเอสจำได้มั้ยว่าคนนั้นทำแบบนี้ไว้ คนนี้ทำแบบนี้ ผมจำไมได้ ดีเนอะ ถือว่าอโหสิ ดีที่จำไม่ได้ แต่ความดีที่คนอื่นทำให้กับความดีที่ไปทำช่วยคนอื่นอันนี้จำได้ แล้วจำได้ส่วนใหญ่จะถามคุณแม่ก่อนว่าเอสเคยจัดกิจกรรมอันนี้จริงหรือเปล่าหรือเอสฝัน
ลูกสาวช่วยพ่อรื้อฟื้นความทรงจำยังไงบ้างคะ ?
เอส : ผมก็เพิ่งเห็นรูปเห็นคลิป ญาติๆ ไม่มีใครกล้าเอาคลิปให้ดูเลยตอนผมอยู่โรงพยาบาล กลัวผมเครียด แต่พอออกจากโรงพยาบาลเขาเอาให้ดู ลูกวิ่งเข้ามากอดตอนผมนอนอยู่ มาหอมเรา ทำไมปะป๊าไม่กลับบ้าน รู้สึกสงสารเขามากจริงๆ
เอสต้องใส่เครื่องกระตุกหัวใจ ?
เอส : ใช่ ผ่าแล้วก็ใส่ อันนี้เป็นเหตุผลที่อยู่โรงพยาบาลนาน เพราะความจริงซัก 2 เดือน ถ้าตัดสินใจยอมฝังก็ออกมาได้แล้ว
เห็นว่าตอนแรกยังไงก็ไม่ยอม ?
เอส : ตอนนั้นเริ่มกลับมาดีขึ้นๆ เลยเข้าใจว่าถ้าฝังไว้ แล้วผมเป็นคนชอบเล่นกล้าม กล้ามอก แล้วชอบฝึกมวย ถ้าฝังไว้กล้ามอกไม่สามารถเล่นได้หนักแน่ๆ เพราะมันฝังตรงหัวใจ ก็เลยไม่ยอม ทุกเคนเลยต้องเข้ามาเกลี้ยกล่อมหมด คุณแม่ภรรยาต้องโทรมาจากเยอรมัน บินจากเยอรมันมาหาถึงไทย ทุกคนพยายามเกลี้ยกล่อมผมก็ยังไม่ยอม แต่สุดท้ายยอมฝังไป
ยอมเพราะว่า ?
เอส : ตอนนั้นนั่งสมาธิ อีกอย่างหนึ่งที่ยังเหมือนเดิมคือตอนนั้นนั่งสมาธิ ตอนเช้าตื่นนอนกับตอนกลางคืน เราก็มารู้สึกได้ว่า ตอนมานั่งวิปัสสนาของเราไป สิ่งที่มันเกิดขึ้นกับผมมันเป็นอดีต สิ่งที่เราเคยชอบไม่มีใครสามารถเปลี่ยนได้ เกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องยอมรับมันให้ได้ว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่จะมาเสียใจจังอยากมีกล้ามอกแบบเมื่อก่อน ก็ยอมฝังดีกว่า ปัจจุบันกับอนาคตมันจะได้ดีขึ้น หลังจากนั่งสมาธิเสร็จก็ออกมาบอกคุณแม่เลย แม่ครับเอสยอมฝังแล้ว
มันจำเป็นขนาดไหนที่จะต้องฝัง มันเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของเรา ?
เอส : อย่างที่บอกว่าคุณหมอเขายังไม่ทราบแน่ชัดว่าอาการของผมมันเกิดจากอะไร เขาเลยคิดว่าเครื่องนี้สามารถช่วยได้ ถ้าหัวใจของผมหยุดการทำงาน ถ้าหัวใจผมหยุดเต้นปุ๊ปเครื่องนี้จะทำงานอัตโนมัติเลย อันนี้ฝังตลอดชีวิตแต่ทุก 6 ปีต้องเปลี่ยน
ตอนนี้ยังฟอกไตอยู่มั้ย ?
เอส : ไม่แล้วครับ แต่ยังต้องไปเช็กเรื่อยๆ แรกๆ ทุกอาทิตย์ สองอาทิตย์ครั้ง เลื่อนเป็นเดือน ตอนนี้เลื่อนเป็นสามเดือนครั้ง
คุณแม่ : อันนี้เขาฟอกแบบฉุกเฉิน พอร่างกายดีแล้วก็หยุดฟอก
อยู่ทั้งหมด 3 โรงพยาบาล ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 4 เดือน ค่าใช้จ่ายมหาศาล ?
เอส : มหาศาล หลายล้านมาก แค่เครื่องอันนี้อันเดียวก็ล้านกว่าแล้ว ไม่รวมพวกค่ารักษา ทั้งหมดก็หลายล้านน่าจะ 5-6 ล้าน
คุณแม่ : ค่าแครื่องอย่างเดียว 9 แสน
แต่ก็มีผู้ใหญ่เมตตาด้วย ?
เอส : ก็มีผู้ใหญ่ช่วยด้วย เป็นผู้ใหญ่ทางช่อง แต่ที่เราออกกันเองก็เยอะมาก
ตอนนี้พอดีขึ้นอยากจะบวช ?
เอส : มันเป็นความชอบของผมอยู่แล้ว ตั้งแต่เด็ก ผมอยากปฏิบัติธรรมเป็นหลักมากกว่า พอออกมาจากโรงพยาบาลเรามารู้ว่าญาติคนนี้บนไว้แบบนี้ ญาติคนนี้ก็บนไว้แบบนี้ ผมจะแก้บนให้เลย แต่เขาบอกเดี๋ยวก่อน อย่างบนเรื่องบวช กลัวผมบวชไม่สึก ผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ไม่เชื่อเรื่องความเชื่อ เชื่อเฉพาะเรื่องที่พระพุทธองค์สอนเท่านั้น อะไรที่พระพุทธองค์ไม่สอน ผมจะไม่เชื่อ แต่ไม่ได้บอกว่าคนที่ไม่เชื่อผิดนะ อันนี้เป็นความเชื่อของผม ผมศึกษาว่าพระองค์สอนอะไร
ถ้าจะบวชจริงๆ ภรรยาจะว่ายังไง ?
เอส : นี่เป็นความลับที่ไม่เคยคุยกัน
ภรรยาต้องเครียด ?
เอส : ไม่เครียด เคยลองคุยกันแล้วตั้งแต่เมื่อก่อนเลย เขาบอกมันคือความฝันของยู อะไรที่เป็นความฝันของยู เขาเห็นด้วยหมดเลย
คนรอบข้างมูแน่นเลย คุณแม่ไปบนอะไร ?
คุณแม่ : หลวงพ่อโสธร ถ้าเขาฟื้นกลับมาแล้วแข็งแรงดีก็จะให้บวช 15 วัน
เรื่องมีคนมาเรียกให้ฟื้น ?
เอส : อันนี้ต้องบอกว่าผมเชื่อว่าแค่ฝัน ผมเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องจริง ก็คือผู้ชาย ถ้าให้ดูด้วยตานะ แต่ไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่ใช่ร่างกายหรือคนที่เราเคยเห็นบนโลกนี้ อธิบายไม่ได้จริงๆ
เขาแต่งตัวยังไง ?
เอส : ก็ชุดสีดำทั้งหมด ผมพยายามวิ่ง ผมแฮปปี้อยู่ สถานที่ผมอธิบายไม่ได้ว่ามันคือที่ไหนเหมือนกัน แต่เขามาตามว่ากลับเถอะ ผมก็วิ่งๆ แต่สุดท้ายเขาก็มาดึง แต่ผมเชื่อว่าฝันนะ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นอะไรยังไง ผมจำได้แต่อันนี้อันเดียว
มีอะไรอยากจะพูดกับแฟนๆบ้าง ?
เอส : ผมรู้สึกว่าแค่คำขอบคุณไม่พอ ไม่ใช่แค่จากแฟนคลับ จากผู้ใหญ่ทุกท่าน คุณหมอวิศรุตที่มาช่วยผม แล้วก็ทุกคนเลย ผมรู้สึกว่าถ้าอยากจะพูดกับพวกเขาก็คงจะพูดเหมือนเดิมคือ ขอบคุณไม่พอ ขอบอกว่าสิ่งที่ผมเคยตั้งใจไว้ในชีวิตผม ความฝันของผม ผมจะทำให้อย่างเต็มที่ เพราะผมเชื่อว่าความฝันนี้จะช่วยคนอื่นได้เหมือนกัน ก็อยากจะบอกว่าจะทำได้อย่างเต็มที่ ขอบคุณมากๆ ในความรัก ความเมตตานะครับ
ตอนนี้พร้อมที่จะทำงานหรือยัง ?
เอส : ผมคิดว่าพร้อมแล้ว ถ้าเป็นบทบู๊ซึ่งชอบมากๆ อาจจะต้องเปลี่ยนหน่อย เปลี่ยนบทเป็นอย่างอื่นก่อน
พิธีกรได้เลย ?
เอส : ถ้าพิธีกร สิ่งที่ผมชอบ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง เอาจริงๆ คือความเครียดมันเยอะ เพราะมันต้องศึกษาข้อมูลเยอะ แต่ถ้าพิธีกรเรื่องอื่นๆ ที่เป็นเอ็นเตอร์เทนอันนี้ได้เลย
คลิปสัมภาษณ์ https://youtu.be/kkOBQvMWWRM?si=5aUazD187Ot7ExfJ