คณะกรรมการไตรภาคีไฟเขียวค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท ใน 10 จังหวัด เริ่ม 13 เม.ย.
เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 67 ที่กระทรวงแรงงาน มีการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำ ชุดที่ 22 (ไตรภาคี) ซึ่งมีนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธาน โดยมีการพิจารณาปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็นครั้งที่ 2 ของปีงบประมาณ 2567 และมีการปรับสูตรการพิจารณาใหม่ ที่อิงกับภาวะเงินเฟ้อ ประเภทการทำงาน ทักษะฝีมือแรงงาน ที่สำคัญคือไม่ได้ปรับทั้งประเทศ ซึ่งรอบนี้มีเพียง 10 จังหวัดนำร่อง และปรับในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ประกอบด้วย กทม. เชียงใหม่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ สงขลา พังงา ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี และระยอง ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูง และจังหวัดอุตสาหกรรม และยังปรับแบบเจาะจงเฉพาะพื้นที่ หรือบางอำเภอของจังหวัดนั้นๆ ด้วย โดยที่ประชุมเริ่มพิจารณาตั้งแต่เวลา 13.30 น. และเสร็จการประชุม พร้อมมีมติก่อนแถลงผลการพิจารณาในเวลา 15.30 น. รวมมีการหารือ 2 ชั่วโมง โดยมติที่ประชุมไตรภาคีเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบปรับค่าจ้างขั้นต่ำรอบที่ 2 อัตรา 10 จังหวัดนำร่องดังกล่าว 400 บาท เริ่มมีผลวันที่ 13 เม.ย. 67 เพื่อเป็นของขวัญวันปีใหม่ไทย
นายไพโรจน์ แถลงว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ ให้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำใน 10 จังหวัดนำร่อง และขึ้นในบางพื้นที่นำร่อง กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก 4 ดาวขึ้นไป และมีลูกจ้าง 50 คนขึ้นไป ในอัตรา 400 บาทเท่ากัน มีผลตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.นี้ จากนี้จะนำเสนอ ครม.ในวันที่ 2 เม.ย. และจะรายงานให้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ทราบต่อไป โดย 10 จังหวัดที่จะได้ขึ้นค่าจ้างรอบ 2 ดังนี้
กทม. ให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำในพื้นที่ เขตปทุมวัน และเขตวัฒนา
เชียงใหม่ ให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำในพื้นที่เทศบาลนครเชียงใหม่
ภูเก็ต ให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำทั้งจังหวัด
กระบี่ ให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง
สงขลา เฉพาะเทศบาลนครหาดใหญ่
สุราษฎร์ธานี พื้นที่ อ.เกาะสมุย
พังงา พื้นที่เทศบาลตำบลคึกคัก
ชลบุรี เมืองพัทยา
ประจวบคีรีขันธ์ ให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำในพื้นที่เทศบาลหัวหิน
ระยอง ให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำในพื้นที่ ต.บ้านเพ
นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มธุรกิจต่อไปที่จะมีการพิจารณาขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ คือกลุ่มธุรกิจภาคการส่งออก โลจิสติกส์