พปชร.จ่อเสนอ พ.ร.บ. ลดก๊าซเรือนกระจกเข้าสภาฯ ระบุต้องมีกฎหมายกำหนดยุทธศาสตร์ ทิศทางให้อำนาจหน่วยงานรัฐเข้าจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 67 ที่รัฐสภา นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา โฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า พปชร. นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.ลดก๊าซเรือนกระจกและคาร์บอนเครดิต พ.ศ….
นายอรรถกร กล่าว่า ร่างพ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมทุกภาคส่วนมุ่งสู่การลดก๊าซเรือนกระจกและการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่ง ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค เป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องทางกฎหมายในการยกร่าง ซึ่งการดำเนินการเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ ถือเป็นหนึ่งในนโยบายของ พปชร. และหัวหน้าพรรคให้ความสำคัญ เพื่อกำหนดแนวทางการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการดูแลทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว สอดรับกับทิศทางของนานาชาติ การแก้ไขปัญหาการจัดการก๊าซเรือนกระจกในขณะนี้ ถือเป็นภารกิจที่สำคัญที่ต้องการความร่วมมือและแนวทางที่ชัดเจน จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายที่มีประสิทธิภาพเข้ามากำหนดยุทธศาสตร์และทิศทางการจัดการก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่ง พล.อ.ประวิตร มีความห่วงใยในเรื่องการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงแนวทางการฟื้นฟูระบบนิเวศของไทยซึ่งเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วน เพราะส่งต่อกระทบต่อประชาชน ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้น สร้างความเสียหายในวงกว้างในหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม รวมถึงด้านสุขอนามัย และการประกอบอาชีพของพี่น้องประชาชนโดยตรง ที่นับวันทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
นายอรรถกร กล่าวต่อว่า ประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความก้าวหน้าและตื่นตัวในการแก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ แต่ยังไม่มีเครื่องมือในการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพจึงจำเป็นต้องมีกฎหมายฉบับดังกล่าวเพื่อให้อำนาจหน่วยงานรัฐในการกำกับดูแลการดำเนินงานและให้เป็นไปตามเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศแบบครบวงจร รวมถึงการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตที่เร่งให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างแท้จริงที่ชัดเจนต่อไป
ด้านนายอัคร ทองใจสด ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ. ดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ให้เป็นศูนย์ หรือ Carbon Net Zero เพื่อให้ควบคู่ไปกับกฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยสามารถทำการค้าระหว่างประเทศได้กับนานาประเทศได้ โดยจะยึดหลัก “Green Economy” ซึ่งในการประชุม COP28 มีการตกลงว่าภายในปี 2030 จะลดก๊าซคาร์บอนให้เหลือศูนย์ และเพิ่มอัตราการ การใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้นถึง 3 เท่า จากการริเริ่มทำกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมา ที่ทำให้ประเทศไทยสามารถทำการค้าระหว่างประเทศได้ พรรคพลังประรัฐ ต้องการที่จะทำให้ประเทศไทยน่าอยู่มากขึ้น มีอากาศที่บริสุทธิ์ รวมถึงทำให้เศรษฐกิจของเราสามารถตามทันกับนานาประเทศได้
นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.นี้ จะมีการพูดถึงการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่ต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศแถบอียู และสหรัฐอเมริกามีการใช้มาตรการ CBAM หรือCarbon Border Adjustment Mechanism เพื่อควบคุมการนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ หากสินค้าไทยจะส่งออกไปยังต่างประเทศ เราจำเป็นต้องมีการนำมาตรการ ดังกล่าวมาใช้เพื่อลดผลกระทบ ในการ ส่งสินค้าไทยออกนอกประเทศ