อว.ตรวจน้ำสีชมพูพบ "แบคทีเรีย-พยาธิ"

2024-03-19 21:17:46

อว.ตรวจน้ำสีชมพูพบ "แบคทีเรีย-พยาธิ"

Advertisement


อว.ตรวจน้ำสีชมพูใน จ.สมุทรปรากราร พบแบคทีเรียซัลเฟอร์และพยาธิ

เมื่อวันที่ 19 มี.ค.67 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี  รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้สั่งการด่วนระหว่างการประชุม ครม. สัญจรที่ จ.พะเยา ให้ทีมนักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว (DSS Team) กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.)  นำโดย นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดี วศ. พร้อมด้วยทีมนักวิทยาศาสตร์ เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำสีชมพูในคูน้ำบริเวณท้ายซอยเทศบาลบางปู 55 (ยัวซ่า) หมู่ที่ 5  ต.ท้ายบ้านใหม่  อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เพื่อหาสาเหตุและให้ข้อแนะนำในการแก้ไขปัญหาโดยด่วน ในการปฏิบัติการครั้งนี้ ได้ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สาธารณสุขจังหวัด เทศบาลตำบลบางปู เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ซึ่งได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในชุมชนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำเป็นสีน้ำชมพูเกือบทุกวัน บางครั้งเห็นเป็นสีชมพูจากท่อ และได้กลิ่นเหม็นมาก

น.ส.ศุภมาส กล่าวต่อว่า ภายหลังที่ได้ทราบข้อมูลเรื่องน้ำสีชมพูในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนทั้งปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพทั้งทางตรงและทางอ้อม และได้รับรายงานจากทีม DSS วศ.อว. ว่าคูน้ำดังกล่าวมีระยะทางประมาณ 100 เมตร บริเวณใกล้เคียงเป็นชุมชนและโรงงาน ซึ่งน้ำเป็นสีชมพูและเข้มขึ้นขยายวงกว้าง จึงสั่งการให้ทีม DSS วศ.อว. ได้เร่งทดสอบในห้องปฏิบัติการอ้างอิงเพื่อนำข้อสรุปที่ได้ประสานหน่วยงานในพื้นที่เร่งแก้ไขและเตือนภัยแก่ประชาชนในพื้นที่ต่อไป

ด้าน นพ.รุ่งเรือง อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  กล่าว่า  จากการสังเกตการณ์ในพื้นที่พบว่าคูน้ำมีน้ำเป็นสีชมพูชัดเจน ถ้านำไม้ไปคนเพิ่มเติมจะพบตะกอนสีชมพูที่อยู่ด้านล่างลอยขึ้นมาซึ่งจะทำให้น้ำมีสีชมพูเข้มขึ้น และมีสิ่งสกปรกสะสมในคูน้ำ หลังจากทำการทดสอบด้วยเครื่องวัดคุณภาพน้ำ พบว่า ความเป็นกรดด่างค่าปกติ แต่พบว่าน้ำไม่มีออกซิเจนละลายอยู่เลย จึงทำให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ไม่ได้ เบื้องต้นได้นำน้ำสีชมพูมาส่องกล้องจุลทรรศน์กำลังขยาย 400 เท่า พบว่ามีแบคทีเรียซัลเฟอร์สีม่วงจำนวนมาก รวมถึงไดอะตอม สาหร่ายสีเขียว และพยาธิในน้ำ  ขณะนี้ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำจัดสิ่งปฏิกูลที่อยู่ในท้องร่องออกไปก่อน และได้แนะนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ติดตั้งเครื่องเติมอากาศเพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้เพียงพอต่อการนำไปใช้ย่อยสารอินทรีย์ในน้ำเสียได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างไปตรวจเพิ่มเติมในห้องปฏิบัติการ เพื่อวิเคราะห์เชิงลึกด้านโลหะหนัก ตะกอน และเชื้อก่อโรค   กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.)  ขอแจ้งเตือนประชาชนห้ามลงสัมผัสน้ำในคูน้ำ รวมถึงห้ามนำน้ำมาใช้อุปโภค บริโภคโดยเด็ดขาด หากมีการสัมผัสน้ำในคูให้รีบทำความสะอาดด้วยน้ำและสบู่โดยทันที