รมว.มหาดไทยแถลงผลประชุมคณะกรรมการนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ เผยสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอกฎหมายตัดคะแนนความประพฤติกรณีทำผิดกฎจราจรเหมือนในต่างประเทศ ระบุผิดซ้ำซากต้องถูกเพิกถอนสิทธิในการขับรถ
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ(นปถ.) ว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์จะใช้มาตรการเดิมเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ที่เพิ่มเติมคือพื้นที่ใดที่มีสถิติอุบัติเหตุทางถนนสูงหรือมีการสูญเสียมากเราจะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น เช่น เพิ่มจุดตรวจที่มีเจ้าหน้าที่และเพิ่มจุดจับความเร็ว เพิ่มความเข้มข้นเรื่องการดื่มสุรา การขับรถเร็วและการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิด ทั้งนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เสนอขอแก้กฎหมายที่เกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนให้คณะกรรมการพิจารณา โดยเฉพาะเรื่องใบอนุญาตขับขี่ การใช้รถใช้ถนนถ้ามีการจับแล้วจะมีโทษมากขึ้นอย่างไร และจะมีการตัดแต้มคะแนนความประพฤติ ตามฐานความผิดไปจนถึงการเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ เรื่องนี้เป็นกฎหมายรองหลังจากที่ พ.ร.บ.จราจรออกมาก่อน ซึ่งคณะกรรมการฯเห็นชอบเพราะจะบังคับให้คนขับรถดี ส่วนจะใช้เวลานานหรือไม่ในการออกมาตรการดังกล่าวนั้น เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเสนอไปตามกฎหมาย ต้องเข้าครม. เข้ากฤษฎีกา แล้วไป สนช.
ด้าน พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 กล่าวว่า แนวทางแก้ปัญหาการจราจร การทำผิดกฎจราจรของคนไทยได้เสนอไป 2 ส่วน คือ 1.ประชาชนที่จะขับขี่รถบนถนนสาธารณะต้องสอบใบขับขี่ก่อนว่ามีความสามารถที่จะขับรถปลอดภัยบนทางสาธารณะหรือไม่ เมื่อผ่านการสอบ ได้รับมาตรฐานแล้วจึงจะได้รับสิทธิขับรถบนถนนร่วมกับคนอื่นได้ 2.เมื่อผ่านการทดสอบ มีมาตรฐานแล้ว ต้องมีพฤติกรรมในการขับขี่ที่ดี โดยเสนอให้แก้กฎหมายและเพิ่มโทษทางปกครอง เสนอให้มีการตัดคะแนนความประพฤติแบบที่ต่างประเทศใช้ เมื่อคะแนนหมดจะถูกสั่งพักใช้ ตัดสิทธิการขับรถบนท้องถนนเป็นช่วงเวลาหนึ่ง ถ้ากลับมาขับรถใหม่อีกครั้งแล้วยังมีพฤติกรรมที่จงใจละเมิดกฎหมายอยู่อีก ครั้งต่อๆไปจะมีการพักใช้ที่ยาวนานขึ้นและอาจจะนำไปสู่การเพิกถอนสิทธิในการขับรถ ซึ่งเรื่องนี้ผ่านที่ประชุมกฤษฎีกาแล้วและจะนำเข้า ครม. ให้สนช.เร่งพิจารณาออกมาเป็นกฎหมายให้เร็วที่สุด
“วิธีตัดคะแนนความประพฤติ คือผู้มีใบอนุญาตขับขี่จะมีคะแนนทั้งหมด 12 คะแนน การตัดคะแนนจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ 1.การกระทำผิดต่อตนเองแต่ไม่กระทบต่อสาธารณะ เช่น การไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่สวมหมวกกันน็อค ขับรถเร็ว จะโดนตัด 1 คะแนน 2.ความผิดปานกลาง คือทำให้แล้วกระทบต่อสาธารณะ เช่น การฝ่าไฟแดง การขับรถย้อนศรจะตัด 2 คะแนน และ 3.กลุ่มที่ทำความผิดรุนแรงที่เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างร้ายแรง เช่น เมาแล้วขับ การเสพยาเสพติดแล้วขับรถ หรือ การชนแล้วหนี จะถูกตัดคะแนนเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ถ้าเป็นรถสาธารณะ เช่น แท็กซี่ รถโดยสารสาธารณะกระทำผิด จะตัดคะแนนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถสาธารณะหากกระทำผิดจนคะแนนความประพฤติหมดจะถูกยึดใบอนุญาตขับขี่ 12 เดือน แต่หากกระทำผิดซ้ำอีกอาจถึงขึ้นเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ส่วนใบสั่งรุ่นใหม่ผู้ที่ได้รับใบสั่งสามารถปฏิเสธใบสั่งแล้วต่อสู้คดีได้ แต่ถ้าได้รับใบสั่งแล้วไม่ชำระค่าปรับจะถูกปรับเป็น 2 เท่า ทั้งนี้กฎหมายใหม่จะไม่มีการยึดใบอนุญาตขับขี่ แต่ความผิดจะถูกบันทึกในระบบคอมพิวเตอร์