"จัตุรงค์"จี้นายกฯจัดสรรงบหนุน "ทนายประจำ สน." ตามข้อเสนอสภาทนายความ ชี้เป็นไปตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย คุ้มครอง ปชช. ไม่ซ้ำรอย "ลุงเปี๊ยก"
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 67 ที่วุฒิสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระในช่วงของการเปิดให้สมาชิกหารือ โดยนายจัตุรงค์ เสริมสุข ส.ว. ได้เรียกร้องให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้ความสำคัญกับข้อเสนอของสภาทนายความต่อการปรับกระบวนการยุติธรรม ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้มีทนายความประจำสถานีตำรวจ จำนวน 1,400 แห่ง โดยจัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการ หลังจากที่พบกรณีที่เกิดขึ้นกับนายปัญญา หรือ "ลุงเปี๊ยก" สามีของนางบัวผัน หรือ "ป้ากบ" หญิงสติไม่ดี วัย 47 ปี หรือที่ถูกกล่าวถึงในชื่อ "ป้าบัวผัน” ที่ถูกกกลุ่มเยาวชนทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ที่ จ.สระแก้ว ซึ่งในรายละเอียดที่ถูกเปิดเผยพบว่าการสืบสวน สอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ไม่ได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาณและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2566 หรือ กฎหมายอุ้มหาย ที่กำหนดให้ผู้ที่ถูกนำตัวไปสอบสวนสามารถใช้สิทธิทนายในกระบวนการตรวจสอบได้
“จากการจับกุมลุงเปี๊ยก และแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกับนำตัวไปขังคุก เพราะรับสารภาพว่าฆ่าป้าบัวผัน แต่ผมสงสัยว่าในกระบวนการได้ถ่ายภาพวีดีโอตามที่กฎหมายอุ้มหายกำหนดเป็นขั้นตอนไว้หรือไม่ หรือ ให้ทนายเข้าสังเกตการณ์ด้วยหรือไม่ ทั้งนี้จากการนำตัวลุงเปี๊ยกไปชี้จุดเกิดเหตุนั้น ไม่พบว่ามีทนายนำชี้ที่เกิดเหตุร่วมด้วย ดังนั้นหากไม่มีการร้องเรียน การตรวจสอบและพบว่าเป็นการกระทำผิดของเยาวชน ลูกข้าราชการในพื้นที่และใกล้เคียง ลุงเปี๊ยกจะถูกส่งฟ้อง และหากไปรับสารภาพในศาล ต้องถูกจำคุก 25 ปี หรือตายในคุก แม้จะมีอาการป่วย จะไม่ถูกนำตัวไปรักษานอกเรือนจำ ดังนั้นหากรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องทนายประจำสถานีตำรวจ เชื่อว่าประชาชนจะไม่ถูกกล่าวหา ให้ร้าย และจับกุมไปติดคุกจนตาย” นายจัตุรงค์ กล่าว