"ก้าวไกล"จ่อยื่นแก้กฎหมายคุกคามทางเพศ ทำให้เกิดมาตรฐานใหม่ ด้าน "ครูจวง"หวังผลักดันเพิกถอนใบอนุญาตตลอดชีวิต หากบุคลากรด้านการศึกษามีพฤติการณ์เข้าข่าย
เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2567 ที่รัฐสภา พรรคก้าวไกล นำโดย น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรค นายเอกราช อุดมอำนวย ส.ส.กทม. นายปารมี ไวจงเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย ส.ส.ปีกความหลากหลายทางเพศ แถลงข่าวกรณีการยื่นร่าง พ.ร.บ. แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับเพศ หรือการคุกคามทางเพศ และกฎ ก.พ. เพื่อกำหนดนิยามใหม่ของการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ การกระทำอนาจาร และการกระทำชำเรา
น.ส.ภคมน กล่าวถึงที่มาในการยื่นร่างกฎหมายฉบับนี้ ว่า สืบเนื่องจากปัญหาการคุกคามทางเพศที่อยู่กับสังคมไทยมานาน และมีแนวโน้วมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากผู้ที่กระทำคือคนใกล้ตัว และกลุ่มผู้ถูกกระทำคือเยาวชนและเด็ก ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ และต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่อดีต 2 ส.ส.ของพรรคก้าวไกลที่มีพฤติกรรมการคุกคามทางเพศที่เป็นประเด็นใหญ่ในสังคม แม้วันนี้เหตุการณ์จะคลี่คลายแล้วก็ตาม แต่เราในฐานะพรรคการเมืองคงไม่สามารถสิ้นสุดเหตุการณ์ดังกล่าว ด้วยการบอกว่า ขับอดีต 2 ส.ส.ออกจากพรรค และน้อมรับผิด
วันนี้พวกเราในฐานะพรรคการเมือง อยากจะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้เกิดกฎหมายฉบับนี้ และคาดหวังให้กฎหมายฉบับนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้กฎหมายที่มีมาตรฐานเดียวกันต่อผู้มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ
เมื่อถามว่า จะลบภาพจำอย่างไร น.ส.ภคมน กล่าวว่า เราคงไม่ได้บอกว่า วันนี้สิ่งที่เราทำทั้งหมด เพื่อเป็นการลบภาพจำ แต่พยายามจะยืนยันอย่างสดุดีให้เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ในสังคม เราในฐานะพรรคการเมืองคงไม่สามารถบอกว่า เราขอโทษแล้ว ทั้งสองคนพ้นพรรคไปแล้ว ความผิดของเราก็คงจะถูกลืมไป แต่เราในฐานะพรรคการเมืองคงต้องผลักดันให้เกิดมาตรฐานที่เข้าใจร่วมกันในสังคมไทยให้ได้
นายเอกราช กล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้เพิ่มบทบัญญัติในการนิยามคำว่า "คุกคามทางเพศ" เพื่อให้มีความหมายที่ชัดเจนขึ้น และมีการกำหนดบทมาตรการเพื่อความปลอดภัยเพิ่มอีกหนึ่งมาตรการ คือคำสั่งงดเว้นกระทำการ เพื่อให้ศาลมีอำนาจสั่งให้บุคคลที่ถูกคุกคาม หรือบุคคลที่คุกคาม แยกพื้นที่ออกจากกัน และต้องงดเว้นการกระทำงานที่เป็นความผิดต่อกฎหมาย นอกจากนี้ ได้มีการเพิ่มโทษการคุกคามทางเพศในแต่ละระดับด้วย
ด้านนายปารมี กล่าวว่า การคุกคามทางทางเพศในโรงเรียนปรากฏในหน้าข่าวบ่อยมาก รวมถึงการคุกคามทางทางเพศในครอบครัว และสถาบันอื่นๆ ด้วย ตนจึงเห็นว่า เราควรแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัย ในฐานะที่ตนดูแลด้านการศึกษาของพรรคก้าวไกล ตนจะผลักดัน และขับเคลื่อนในกรณีการคุกคามทางทางเพศในโรงเรียนต่อไป เนื่องจากเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรทางการศึกษาอีกหลายตำแหน่ง และเกี่ยวข้องกับกฎหมายอีกหลายฉบับ เช่น การแก้ข้อบังคับของคุรุสภา ในการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตลอดชีวิต ของทั้งครู และผู้อำนวยการโรงเรียน หากบุคคลเหล่านี้มีพฤติการณ์คุกคามทางเพศ ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นครู ไม่เหมาะที่จะอยู่ในระบบการศึกษาอีกต่อไป