"พิพัฒน์" จ่อตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงปมรีดค่าหัวคิว 3,000 บาท ไปทำงานฟินแลนด์
จากกรณีที่กรมสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) มีมติกกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน รวมทั้งสิ้น 4 คน ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีพบหลักฐานเกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งแรงงานไทยเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ในสาธารณรัฐฟินแลนด์ มีการเรียกเก็บค่าหัวคิวรายละ 3,000 บาท แรงงานกว่า 12,000 คน รวมความเสียหาย กว่า 36 ล้านบาท โดยเตรียมส่งเรื่องถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการนั้น
เมื่อวันที่ 12 ม.ค.67 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวว่า ทราบข่าวจากสื่อมวลช แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เจอปลัดกระทรวง จะเรียกมาสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563-2566 มีความเป็นมาอย่างไร โดจะติดตามหาข้อมูลเพื่อจะมาดูว่า จะต้องทำอย่างไรบ้าง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายเพราะทราบว่าทางการฟินแลนด์ส่งข้อมูลทั้งหมดมาที่ดีเอสไอและทางสำนักงานอัยการสูงสุดก็ได้มีการทำเรื่องไปถึงดีเอสไอแล้วเช่นกัน เรื่องนี้จึงนิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายให้กระทรวงแรงงาน จะต้องหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ให้ได้ก่อนว่ามีความเป็นมาอย่างไร หลังจากนั้นจะตั้งคณะกรรมการเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงซึ่งไม่ใช่การตั้งกรรมการสอบ แต่เป็นการตั้งกรรมการเพื่อหาข้อเท็จจริง เพื่อที่จะได้แก้ปัญหาการส่งออกแรงงานไทยไปทำงานในประเทศต่างๆ นอกจากงานไปเก็บผลไม้ป่าในแถบประเทศสแกนดิเนเวีย เช่น ฟินแลนด์ และสวีเดน ยังมีการจัดส่งแรงงานไปทำงานในอีก 11-12 ประเทศ เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นจะเรียกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาหารือกัน กรมการจัดหางานต้องระวังในสิ่งต่างๆ เพราะอุตส่าห์ไม่ให้ผ่านทางเอเย่นต์ แต่กลับกลายเป็นว่ามีการไปเรียกรับเงินในต่างประเทศ สร้างความเสียหายให้กับรัฐบาลไทยและประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การจัดส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศจะมีการเข้มงวดมากขึ้นแค่ไหน นายพิพัฒน์ ตอบว่า จะประชาสัมพันธ์ให้แรงงานไทยที่จะไปทำงานในต่างประเทศว่ากระทรวงแรงงานไม่มีการเรียกรับอามิสสินจ้างในการดำเนินการใดๆ หากมีเจ้าหน้าที่ไปเรียกรับเงิน ขอให้แจ้งให้กระทรวงรับทราบหรือหากไม่กล้าแจ้งกระทรวง ก็ขอให้แจ้งตรงมาที่ตนจะส่งมาเป็นจดหมาย มาพบด้วยตนเอง หรือจะส่งให้ใครมาประสานก็ได้ เรื่องนี้จะต้องโปร่งใส