"สุชาติ" ยันบริสุทธิ์ไม่มีส่วนเกียวข้องเก็บค่าหัวคิว 3,000 บาท ไปทำงานฟินแลนด์
จากกรณีที่กรมสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) มีมติกกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน รวมทั้งสิ้น 4 คน ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีพบหลักฐานเกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งแรงงานไทยเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ในสาธารณรัฐฟินแลนด์ มีการเรียกเก็บค่าหัวคิวรายละ 3,000 บาท แรงงานกว่า 12,000 คน รวมความเสียหาย กว่า 36 ล้านบาท โดยเตรียมส่งเรื่องถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการนั้น
เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 67 นายสุชาติ ชมกลิ่น อดีต รมว.แรงงาน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตามที่ดีเอสไอได้ออกเอกสารว่าเป็นเรื่องเมื่อปี 2563 ส่วนตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน ส.ค. 2563 ขณะที่การส่งแรงงานไทยไปทำงานที่ฟินแลนด์จะส่งทุกเดือน มิ.ย.- ก.ค.และส่งมานานกว่า 10 ปี ดังนั้น แปลว่าปี 2563 นั้นมีการส่งแรงงานไปฟินแลนด์ก่อนที่ตนจะเข้ารับตำแหน่ง ส่วนปี 2564-2565 ก็มีการส่งแรงงานไปทำงานต่อเนื่อง ซึ่งก็ได้ดำเนินการไปตามกฎหมาย โดยกระบวนการคือ ในแต่ละปีสถานทูตฟินแลนด์จะกำหนดโควตาว่าต้องการแรงงานจำนวนเท่าไหร่ แล้วประสานมายังกระทรวงแรงงาน จากนั้นกระทรวงแรงงานก็จะแจ้งไปยังนายจ้างที่มีการประสานกับทางเอกชนของฟินแลนด์อยู่แล้ว เพื่อจัดส่งกันเอง ซึ่งในส่วนของการคัดคนงาน การจัดส่งต่างๆ กระทรวงแรงงานไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเข้าไปควบคุมตรงนั้นได้ กระทรวงแรงงานเพียงแค่ออกกฎระเบียบว่าให้นายจ้างกับลูกจ้างมีการทำสัญญา มีแบงก์การันตีว่าจะได้รับค่าตอบแทนจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งเราก็ทำเช่นนี้ทุกครั้งในการจัดส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศ
นายสุชาติ กล่าวว่า ยืนยันในความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง ยืนยันว่าตนไม่เกี่ยวข้อง เมื่อถามว่าได้มีการสอบถามกลับไปที่กระทรวงแรงงานหรือไม่หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นายสุชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นก็ไล่เช็กว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยกระทรวงแรงงาน ในสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรี ได้มีการหารือร่วมกับรัฐมนตรีแรงงานของฟินแลนด์ ซึ่งไปพร้อมเอกอัครราชทูตไทยประจำฟินแลนด์ มีการนั่งคุยกันว่าให้ประเทศฟินแลนด์ออกเป็นวีซ่าการทำงานได้หรือไม่เพื่อจะได้เข้าสู่กฎหมายกระทรวงแรงงานของฟินแลนด์ได้ ซึ่งเขาบอกว่ากฎหมายประเทศฟินแลนด์ ใครก็สามารถมาได้เพื่อทำงานเก็บผลไม้ป่า เขาไม่ได้เอาตามเรา กฎหมายของเขาก็คือของเขา ดังนั้นมันก็ตอบไม่ได้ และอีกอย่างก็เป็นเรื่องของเอกชนจัดส่ง ที่กล่าวอ้างว่ามีค่าดำเนินการเก็บค่าหัวคิวรายละ 3,000 บาท ก็ต้องถามกลับว่าหากมีการเก็บจริงนายจ้างจะบอกหรือไม่ว่าเก็บไปให้ใคร แต่ประเด็นสำคัญก็คือการไปทำงานแบบถูกกฎหมายจะต้องมาจ่ายอะไรพวกนี้ด้วยหรือ