สภาฯ ถกร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด รมว.ทส. หวังแก้ต้นตอ PM 2.5 สร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย เพิ่มคุณภาพชีวิต
เมื่อวันที่ 11 ม.ค.67 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม มีการพิจารณาวาระเรื่องด่วน เสนอร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … จำนวน 7 ร่าง โดย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในนามคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชี้แจงหลักการและเหตุผล ว่า ปัจจุบันปัญหามลพิษทางอากาศกำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงต้นปีและปลายปีของทุกปี จึงต้องมีการกำหนดกลไกในการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศ ทั้งในระดับชาติและในระดับพื้นที่ พร้อมกำหนดให้มีการพัฒนาและบูรณาการการบริหารจัดการปัญหาของทุกภาคส่วนให้เป็นระบบ กำหนดให้มีระบบการวางแผนการดำเนินงาน และกำกับดูแล เพื่อให้เป็นการสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อลดสาเหตุการเกิดมลพิษที่แหล่งกำเนิด รวมทั้งป้องกันการปล่อยมลพิษ ฝุ่น ควันและกลิ่น เข้าสู่สภาพแวดล้อมและชั้นบรรยากาศ พัฒนาระบบการประเมินคุณภาพอากาศ ระบบการเฝ้าระวัง ระบบการเตือนภัย และระบบการจัดการในสถานการณ์วิกฤติจากภาวะมลพิษทางอากาศ ตลอดจนการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ เพื่อให้เกิดอากาศสะอาด เพื่อเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีมีความปลอดภัยต่อสุขภาพอันเป็นปัจจัยพื้นฐาน ในการดำรงชีวิตของประชาชน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
น.ส.คนึงนิจ ศรีบัวเอี่ยม ตัวแทนภาคประชาชน กล่าวถึงหลักการร่างของภาคประชาชน ว่า สิ่งที่เราต้องการได้คืออากาศสะอาด ในที่สุดการจัดการทั้งหมดเพื่อให้ได้มาซึ่งอากาศสะอาดที่มีประสิทธิภาพและสามารถเข้าถึงได้ ดังนั้น อากาศสะอาดที่จะถูกจัดการและกำกับดูแลนี้จะต้องเป็นไปเพื่อสุขภาพ ที่สำคัญคือต้องมีการบูรณาการ ไม่ใช่การแยกส่วน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เกินตัวที่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งสามารถแก้ไขได้ ต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างจากภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งมีการแก้ปัญหาวนไปวนมาเป็นฤดู การแก้ปัญหานี้ยังไม่รวมลึกไปถึงรากเหง้า ความเล็กจิ๋วของ PM 2.5 ถูกซุกไว้ใต้พรม เราต้องการนวัตกรรมทางกฎหมาย พร้อมเปรียบเทียบถึงสิทธิในชีวิตในสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ในร่าง พ.ร.บ.ฉบับประชาชน ได้เสนอ 3 ระดับ คือ ระดับนโยบาย ระดับการดูแล ระดับปฏิบัติการ พร้อมเสนอให้มีกองทุนอากาศสะอาด เพื่อช่วยเหลืออุดหนุนการแก้ปัญหา
นายอลงกต มณีกาศ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย ตัวแทนนายอนุทิน ชาญวีรกูล ผู้เสนอร่างของพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นควัน ซึ่งเป็นมลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตทุกชีวิต ซึ่งเกิดขึ้นเป็นเวลาติดต่อกันมาหลาย 10 ปีแล้ว และพบว่าแนวโน้มความรุนแรงสูงขึ้น ครอบคลุมทุกพื้นที่ ขณะเดียวกันประชาชนที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ทั้งงบประมาณในการรักษาพยาบาลและความเสียหายต่อธุรกิจการท่องเที่ยว ภาพลักษณ์ของประเทศที่สะท้อนถึงความล้มเหลวในการจัดการ นอกจากแหล่งกำเนิดในประเทศยังมีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศด้วย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการปฏิรูประบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับหลักสิทธิเสรีภาพของประชาชน ที่จะมีสิทธิที่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี
นายชัยมงคล ไชยรบ ส.ส.สกลนคร พรรคพลังประชารัฐ ตัวแทน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ผู้เสนอร่างของพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า วันนี้อากาศเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตมนุษย์และปรากฏการณ์ในประเทศไทยนั้น PM 2.5 เป็นเรื่องที่เล่าขานกันมานาน และหลายรัฐบาลพยายามแก้ไข เนื่องจากกระทบต่อคนไทยทั้งแผ่นดิน วันนี้พีเอ็ม 2.5 เกินมาตรฐานเป็นภัยคุกคามสุขภาพของพี่น้องประชาชน ซึ่งจะเกี่ยวโยงไปอีกหลายเรื่องทั้งค่ารักษาพยาบาลและโรคภัยไข้เจ็บ ด้วยความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน พรรคพลังประชารัฐจึงได้รวบรวมรายชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ. บนแนวคิดที่ว่าคนไทยควรจะได้รับอากาศบริสุทธิ์อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อต่ออายุให้ยืนยาว วันนี้มีร่างกฎหมายเข้ามา 7 ร่าง แสดงว่าทุกคนเห็นตรงกัน และกฎหมายนี้จะเป็นกฎหมายที่แสดงถึงความปรองดอง ไม่ได้เรื่องผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่ได้เลือกสีเสื้อ แต่เลือกที่จะยืนอยู่ข้างประชาชน นี่คือความเป็นห่วงของพรรคพลังประชารัฐ กฎหมายฉบับนี้จะเป็นกฎหมายที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้มุ่งผลประโยชน์ทางการเมือง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเสนอกฎหมายฉบับนี้ จะได้รับความร่วมมือจากพี่น้องในสภาทั้ง 500 ชีวิต เพื่อให้ประชาชนทั้งแผ่นดินได้รับอากาศบริสุทธิ์ พรรคพลังประชารัฐ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการหยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้กับประชาชน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่น้องในสภาแห่งนี้ จะร่วมกันที่จะขัดเกลากฎหมายฉบับนี้ ตรงไหนไม่ถูกเอาปากกามาวง แล้วแก้ไข ตรงไหนที่ยังเป็นช่องว่างที่ยังไม่ครบถ้วน ก็เติมลงไปให้มันเต็ม