"จุลพันธ์" ยัน "ดิจิทัลวอลเล็ต" เป้าหมายเดิม พ.ค.

2024-01-09 00:30:40

"จุลพันธ์" ยัน "ดิจิทัลวอลเล็ต" เป้าหมายเดิม พ.ค.

Advertisement

"จุลพันธ์" ยัน"ดิจิทัลวอลเล็ต" เป้าหมายเดิม พ.ค. หลังกฤษฎีกาไฟเขียวออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านได้  

เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 67 ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.ลัง กล่าวภายหลังจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตอบคำถามของกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าสามารถออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน 500,000 ล้านบาทได้ แต่มีข้อสังเกต และข้อเสนอแนะให้ปฏิบัติตามมาตรา 53 และมาตรา 57 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง  ในเรื่องของความคุ้มค่า เพราะจะต้องมีการประเมินผลได้ทั้งก่อน และหลังโครงการว่า กลไกที่จะเป็นไปตามข้อกฎหมายตามมาตรา 53 คือเรื่อง เป็นวิกฤตหรือไม่ซึ่งก็เป็นภาระหน้าที่ของทางกระทรวงการคลัง และคณะกรรมการนโยบายจะดำเนินการให้ครบถ้วน ส่วนที่สองที่มีข้อเสนอแนะ คือเรื่องของการให้รับฟังความคิดเห็นให้รอบด้าน ซึ่งก็คงจะต้องพิจารณาสิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้ และคงจะต้องมีการเชิญประชุมคณะกรรมการนโยบาย เพื่อที่จะเชิญทุกฝ่ายมา แล้วก็คงต้องขอให้เลขาธิการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการให้นำเสนอต่อที่ประชุม เพื่อให้ทุกคนทราบถึงคำตอบของคณะกรรมการกฤษฎีกา และสรุปให้ที่ประชุมฟังด้วยว่า ในความเห็นนั้นๆ มีความหมายเช่นไร และควรจะดำเนินการเช่นไรต่อ จากนั้นกรรมการนโยบายคงจะต้องมีมติว่าเราจะดำเนินการขั้นต่อไปอย่างไร ซึ่งถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี อยู่ในกรอบอำนาจหน้าที่ที่ทำได้ แต่เมื่อมีข้อเสนอแนะมา เราต้องรับฟังทั้งนั้น รัฐบาลยังพยายามยืนยันว่า กรอบเวลาจะต้องเป็นไปตามกรอบเดิม คือเป้าหมายเดิมในเดือน พ.ค. ขณะนี้ ยังไม่มีเหตุให้เลื่อน

เมื่อถามว่า โครงการดังกล่าวจะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กลไกของดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นหลัก ไม่ใช่โครงการสงเคราะห์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม เพื่อให้ภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยกลับไปสู่ระดับการเติบโตที่เต็มศักยภาพ นี่คือจุดมุ่งหมายของรัฐบาล

รมช.คลังยังกล่าวถึง อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นว่า เราก็ได้แสดงความเป็นห่วงตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่า มีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นที่ค่อนข้างเร็ว และสูง ซึ่งเกิดกระทบกับพี่น้องประชาชนในวงกว้าง เมื่อมีตัวเลขในเรื่องของผลกำไรของกลุ่มธนาคาร ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นภาระที่ตกกับประชาชน แต่แน่นอนว่า กลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมันแบ่งแยกกัน ทั้งส่วนของรัฐบาล และธนาคารแห่งประเทศไทย