"จุรินทร์"ขอพูดสักครั้งเรื่องถุงเท้านายกฯ เป็นรสนิยมส่วนตัว แต่คนไทยรู้สึก การไปเจรจาผู้นำ ตปท. แบกหน้าคนไทยติดตัวไปด้วย
เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 67 ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ ส"ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า กล่าวถึงกรณีที่วิจารณ์เรื่องถุงเท้าของนายกรัฐมนตรี ว่านายกรัฐมนตรีพูดถูกว่าถุงเท้าสีอะไรก็สามารถทำงานได้ แต่ประเด็นคือทำงานอะไร ถ้าเป็นรสนิยมส่วนตัวทำงานส่วนตัวไม่เป็นไรครับ แต่ถ้าปฏิบัติราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะการไปเจรจาความกับผู้นำต่างประเทศอันนี้นายกฯต้องตระหนัก เพราะแบกหน้าคนไทยทั้งประเทศติดตัวไปด้วย เพราะฉะนั้นคนไทยก็มีสิทธิที่จะมีความรู้สึก มีความเห็นได้ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ผมไม่ได้วิจารณ์ท่านนายกฯโดยตรง แค่เปรียบเทียบทำให้เข้าใจง่ายขึ้น แต่เมื่อนายกฯพูดแล้วเอามือชี้ไปที่ถุงเท้าผมก็ขอพูดสักครั้ง เผื่อบางทีท่านอาจจะได้ตระหนัก ขออภัยด้วยด้วยถ้าไม่พอใจ แต่ต้องพูดแล้วละครับ ผมก็ฟังเสียงมาพอสมควร คนไทยก็รู้สึกเรื่องนี้ แต่ก็อยู่ที่ท่าน ผมคงไม่ไปก้าวล่วงว่าแต่งตัวยังไง อันนั้นเป็นเรื่องรสนิยมส่วนตัว
ต่อข้อถามว่า พอท้วงติงนายกรัฐมนตรีใส่ถุงเท้าสีชมพู นายกฯก็ใส่ถุงเท้าสีชมพูมาประชุมสภาฯถือเป็นการล้อเลียนหรือไม่ นายจุรินทร์ ระบุว่า ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็ให้เกียรติท่าน แต่ท่านก็ต้องให้เกียรติผมด้วย เพราะผมก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาล ต่างคนก็ต่างให้เกียรติกัน
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า การพูดถึงงบเป็ดง่อย เพราะต้องการสะท้อนให้เห็นว่า งบประมาณปีนี้ มีความล่าช้ามาก เหลือเวลาใช้เงินแค่ 5 เดือน หรือ 40% ของการใช้เงิน บวกกับประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้งบปี 67 ที่เหลือเป็นเป็ดง่อย ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ ตนไม่ได้ตำหนิใคร แต่สะท้อนตามข้อเท็จจริงเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบว่า สถานการณ์งบฯ ปี 67 เป็นอย่างไร และไม่ได้พาดพิงกระทรวงพาณิชย์แม้แต่น้อย และมองว่านายกรัฐมนตรี ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ การที่จะให้ตน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ไปทะเลาะกัน ก็ไม่ใช่เรื่อง ยืนยัน สมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาผลงานก็ไม่เคยน้อยหน้าใคร อาทิ การเป็นประธานรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซม 15 ประเทศ ที่ปัจจุบันเป็นการเจรจา FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ไม่ได้ต้องการเอามาเปรียบเทียบกับการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ซึ่งเข้ามาทำงานเพียง 3-4 เดือน ต้องให้เวลาทำงาน และตนไม่ประสงค์ที่จะไปมีปัญหาอะไร แต่การที่นายกรัฐมนตรี เปรียบเทียบการบริหารงาน ระหว่าง 2 รัฐบาล มองว่า จะทำให้นายกรัฐมนตรีเสียผู้ใหญ่เปล่าๆ