อังกฤษและรัสเซียยังคงตอบโต้กันไปมาเกี่ยวกับการใช้สารเคมีทำลายระบบประสาท โดยล่าสุด รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวหารัสเซียสะสมสารเคมีทำลายระบบประสาท ซึ่งผิดอนุสัญญาอาวุธเคมี ขณะที่ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ตอบโต้ ไร้สาระที่คิดว่ารัสเซียใช้สารเคมีสังหารอดีตสายลับ
นายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ แถลงเมื่อวานนี้ว่า รัสเซียสะสมสารเคมีทำลายระบบประสาทที่ใช้ในการโจมตีนายเซอร์เก สกรีพัล อดีตสายลับ 2 หน้าของรัสเซีย ในดินแดนอังกฤษ และกำลังมีการสอบสวนอยู่ว่า อาวุธเช่นนี้ ถูกใช้ในการลอบสังหารอย่างไร
ทั้งนี้ อังกฤษแถลงว่า รัสเซียใช้สารเคมีทำลายระบบประสาทที่ผลิตขึ้นในยุคโซเวียต ที่เรียกว่า "โนวีช็อก" โจมตีนายสกรีพัล วัย 66 ปี และยูเลีย ลูกสาววัย 33 ปีของเขา ซึ่งเป็นการโจมตีในดินแดนยุโรปด้วยอาวุธเช่นนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่รัสเซียปฏิเสธความเกี่ยวข้อง
"พวกเรามีหลักฐานภายในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาว่า รัสเซียไม่เพียงแต่ส่งสารเคมีทำลายระบบประสาทเพื่อจุดมุ่งหมายลอบสังหารเท่านั้น แต่ยังผลิตและสะสม โนวีช็อก ด้วย" จอห์นสัน ให้สัมภาษณ์บีบีซี
ขณะที่ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แถลงเมื่อวานนี้ว่า ไร้สาระที่คิดว่า รัสเซียจะวางยาสังหารนายสกรีพัลและลูกสาว ซึ่งเป็นการพูดครั้งแรกเกี่ยวกับเรื่องนี้ และบอกว่า รัสเซียถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ
ทั้งนี้ สารเคมี โนวีช็อก ถือเป็นอาวุธที่กลายเป็นประเด็นขัดแย้ง กรณีที่อังกฤษ กล่าวหารัสเซียว่าอยู่เบื้องหลังการวางยาพิษนายสกรีพัลและลูกสาว ซึ่งขณะนี้ อาการยังน่าเป็นห่วงหลังทั้ง 2 ถูกพบหมดสติอยู่บนม้านั่งยาวในเมืองซอลส์บรี ทางตอนใต้ของอังกฤษเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
อังกฤษและรัสเซียต่างเนรเทศเจ้าหน้าที่ทูตฝ่ายละ 23 คนออกจากประเทศจากกรณีดังกล่าว ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศดิ่งลงต่ำสุดหลังสงครามเย็น
กระทรวงต่างประเทศอังกฤษ บอกว่า เจ้าหน้าที่จากอนุสัญญาอาวุธเคมี ซึ่งเป็นกลุ่มตรวจสอบการใช้อาวุธเคมีทั่วโลก จะเดินทางมายังอังกฤษในวันนี้ เพื่อตรวจสอบตัวอย่างของสารเคมีที่ถูกใช้ในการโจมตี 2 พ่อลูกชาวรัสเซีย และผลจะทราบประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งหากรัสเซียสะสมสารเคมีทำลายระบบประสาท จะเท่ากับเป็นการละเมิดอนุสัญญาอาวุธเคมี ที่รัสเซียลงนามด้วย