"พ่อแบม" พยานปากสำคัญคดี "น้องชมพู่" กลัวอยากให้ ตร.เข้ามาดูแลในหมู่บ้านหลังศาลตัดสิน
จากกรณีเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.66 ศาลจังหวัดมุกดาหาร มีคำพิพากษาในคดีพนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหาร เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายไชย์พล วิภา หรือ "ลุงพล" และ ภรรยา คือ น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือ "ป้าแต๋น" เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 กรณีการเสียชีวิตของ "น้องชมพู่" อายุ 3 ขวบ หายออกจากบ้านพักที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 63 ต่อมาพบศพ "น้องชมพู่" วันที่ 14 พ.ค. 63 บริเวณภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพักประมาณ 5 กิโลเมตร ลักษณะไม่สวมเสื้อ ว่า "ลุงพล" มีความผิดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี และ ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาปราศจากเหตุอันควร จำคุก 10 ปี และยกฟ้อง "ป้าแต๋น" ต่อมาศาลให้ประกันตัว "ลุงพล" ด้วยหลักทรัพย์ 5 แสนบาทโดยเจ้าตัวพร้อมต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 66 นายวัชรินทร์ กงแก่นท้าว หรือ "พ่อแบม" พยานปากสำคัญในคดีน้องชมพู่ บอกว่า หลังจากศาลตัดสินคดีก็มีความกลัว เพราะผมเป็นพยานที่ทำให้เขาต้องได้รับโทษ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาในหมู่บ้าน เพิ่งตัดสินใหม่ ๆ ผมก็ยังกลัวอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่บ้านพักนายไชย์พล วิภา หรือ "ลุงพล" และ น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือ "ป้าแต๋น" ภายในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร จากที่มีเหล่ากองเชียร์ และยูทูบเบอร์วนเวียนมาเยี่ยมตลอดเวลา สภาพวันนี้เหมือนไม่มีผู้ดูแล ไม่คึกคักเหมือนในอดีต หลังจากนายไชย์พลได้ย้ายที่อยู่ที่บ้านเกิด อ.วานรวิวาส จ.สกลนคร ตั้งแต่เดือนมิ.ย.65 ขณะที่ลานปู่ปาริจิตนาคราช ซึ่งนายไชย์พลเคยสร้างเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวกราบขอพร ขอโชคลาภ แทบจะมองไม่ออกว่า นี่คือแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เพราะเป็นป่ารก มีหญ้า และวัชพืชขึ้นปกคลุมเต็มพื้นที่ จากการสอบถามชาวบ้านระบุว่า ตั้งเกิดคดีน้องชมพู่ บ้านกกกอกก็เต็มไปด้วยผู้คน ทั้งตำรวจ ผู้สื่อข่าว และเหล่าบรรดายูทูบเบอร์ กว่า 100 คน แต่เมื่อคดีเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล และนายไชย์พลได้ย้ายออกไปจากบ้านกกกอก ทุกอย่างก็เงียบ ชีวิตชาวบ้านกกกอกก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ