"ทหาร-นักวิจัย"ต่างออกมาสาวไส้กันปมจ้างวิจัยพัฒนาหน้ากากป้องกันสารพิษ วงเงิน 3.8 ล้าน ฝ่ายทหารแจ้งความกองปราบกล่าวหานักวิจัยใช้เอกสารปลอม ด้านนักวิจัยสวนกลับแจ้งความเท็จ เรียกรับเงินสินบน
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. พล.ต.ศักดิ์สิทธิ์ เชื้อสมบูรณ์ ผอ.สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหาร กองทัพบก(สวพ.ทบ.) เปิดเผยถึงกรณี โครงการวิจัยและพัฒนาการพัฒนาหน้ากากป้องกันสารพิษทางทหาร เพื่อใช้ภายในประเทศเป็นโครงการตาม เอ็มโอยู ระหว่าง กองทัพบก โดย สวพ.ทบ. กับ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.)ว่า คณะนักวิจัยได้นำส่ง เอกสารรายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ให้ สวพ.ทบ. พิจารณา และส่งให้คณะกรรมการระดับ ทบ. ทำการประเมินผลงานวิจัย ภายหลังปรากฏว่าใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์หน้ากากแบบเต็มหน้า เป็นเอกสารปลอม กองทัพบกจึงได้ยุติโครงการและได้มอบอำนาจให้ ผอ.สวพ.ทบ. ไปแจ้งความร้องทุกข์ กับพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราบปรามไว้ก่อนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
ด้าน รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์วิชาเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อม ทีมงานวิจัย รวม 4 คน และนายพีรพล หรือเปา ยศพงษ์อนันต์ ทนายความ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กองปราบ เอาผิด 2 นายทหาร ในข้อหา “แจ้งความเท็จ” และ “เรียกรับเงินสินบน” กรณีมีการแจ้งความเอาผิดกับนักวิจัยโครงการพัฒนาหน้ากากป้องกันสารพิษ วงเงินงบประมาณการดำเนินโครงการ 3.8 ล้านบาท
นายพีรพล เปิดเผยว่า การกล่าวหาและแจ้งความว่าทางคณะวิจัยได้นำใบรับรองงานวิจัยปลอมมาใช้ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยทางคณะวิจัยยืนยันว่าใบรับรองที่ทางคณะนำมาใช้นั้นเป็นเอกสารรับรองจากสถาบันทดสอบที่เป็นมาตราฐานสากลยอมรับในระดับนานาชาติจากสาธารณรัฐเช็กซึ่งเป็น 1 ใน 5 สถานบันที่ได้มาตรฐานในการทดสอบคุณสมบัติหน้ากากกันสารพิษ ส่วนที่ถูกกล่าวหาว่าทำให้ทางกองทัพได้รับความเสียหายมูลค่า 150 ล้านบาท นั้นก็ไม่เป็นความจริง เนื่องจากได้งบประมาณเพียง 3.8 ล้านบาท เป็นค่าดำเนินงานวิจัยเท่านั้น ส่วนเงินจำนวน 150 ล้านบาท เป็นงบในการผลิต ซึ่งยังไม่ได้มีการผลิตหน้ากากกันสารพิษแต่อย่างไร ถือว่ายังไม่ได้เกิดความเสียหาย
ด้าน รศ.ดร.วีรชัย กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหารกล่าวหาว่าหน้ากากต้นแบบทางคณะฯไม่ได้เป็นผู้ออกแบบและผลิตเอง แต่กลับไปซื้อหน้ากากจากต่างประเทศมา ตนขอปฏิเสธและยืนยันว่าทุกขั้นตอนตั้งแต่การออกแบบ ทำแม่พิมพ์ ผลิตหน้ากาก และการทดสอบในห้องรมแก๊ซ โดยทั้งหมดมีภาพถ่ายหลักฐานยืนยันทั้งหมด อีกทั้งใบรับรองจากสถาบันต่างประเทศนั้นก็ยืนยันว่าได้มาตราฐาน
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำคณะวิจัยทั้ง 4 คน พร้อมตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่ทางคณะฯนำมามอบให้ ก่อนที่จะเสนอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป