รมว.ดีอีเอสลุยจัดการ "ซิมม้า" ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้า 6 มาตรการป้องกันและปราบปราม
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.66 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการกำหนดมาตรการจัดการซิมม้า หรือซิมการ์ดถูกมิจฉาชีพใช้ในการประกอบอาชญากรรมออนไลน์ว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย.66 ได้เชิญสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) รวมไปถึงภาคเอกชน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ อาทิ AIS และ True และหน่วยที่เกี่ยวข้อง หารือเพื่อเร่งรัดในการจัดการปัญหาซิมม้า เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างปัญหากับพี่น้องประชาชนอย่างมากตลอดเวลาที่ผ่านมา ซึ่งบางครั้ง ซิมเบอร์เดียว ถูกใช้โทรออกถึง 500 ครั้งต่อวัน ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติ และขณะนี้ก็ยังพบว่ามีผู้ที่ถือครองซิมการ์ดนับร้อยเลขหมาย โดยไม่ได้ยืนยันตัวตนให้ถูกต้อง เป็นช่องว่างของมิจฉาชีพในการหลอกลวงคนไทย
นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ประชุมร่วมกันได้สรุป 6 มาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปราม การใช้ซิมม้า ดังนี้
1. กำหนดให้ผู้ใช้บริการมีการถือครองซิมการ์ดเกิน 5 เลขหมาย จะต้องดำเนินการยืนยันตัวตนต่อผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ภายใน 30 วัน ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการนำซิมการ์ดไปใช้ก่ออาชญากรรมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการ กสทช. อยู่ระหว่างการดำเนินการออกประกาศ โดยควรดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน และให้มีผลให้ต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตนไม่เกิน 30 วันนับแต่การออกประกาศอย่างเคร่งครัด ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย.66 มีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย จำนวนมากถึง 286,148 ราย และมีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไปมากถึง 7,664 ราย
2. กำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ให้ดำเนินการตรวจสอบการใช้งานโทรศัพท์ที่ผิดปกติ โดยเฉพาะ ซิมบุคคลธรรมดา ที่มีการโทรออกตั้งแต่ 100 สายในระยะเวลาสั้นๆ หรือ 100 สายต่อวัน โดยให้ตรวจสอบทั้งการโทรออกจากช่องทางปกติ และการโทรออกจากระบบอินเทอร์เน็ต หากพบความผิดปกติจะต้องเร่งดำเนินการ รวมทั้งการพิจารณาระงับหมายเลข พร้อมส่งข้อมูลของซิม ชื่อเจ้าของและพฤติกรรมที่ต้องสงสัยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนสอบสวน ขยายผลจับกุมโดยเร็ว
3. เร่งระงับเบอร์และขยายผล สืบสวนสอบสวน ดำเนินคดีจากเบอร์ และชื่อเจ้าของเบอร์ ที่ได้จาก (1) การแจ้งความออนไลน์ (Thaipoliceonline.com) ว่าเป็นเบอร์คนร้ายที่ใช้ในการหลอกลวง , (2) เบอร์ที่รับแจ้งกับ AOC 1441 ว่าเป็นหมายเลขคนร้าย , (3) เบอร์ที่ผู้ให้บริการสื่อสาร ตรวจพบเอง จากระบบ fraud detection และ กสทช. แจ้งว่าเป็นเบอร์ที่ใช้โดยคนร้าย และ (4) เบอร์ที่ต้องสงสัย อาทิ เบอร์ที่ใช้กับอุปกรณ์ ซิมบ็อกซ์ (SIM BOX) หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้กระทำผิด เป็นต้น ทั้งนี้ ต้องมีการดำเนินคดีโดยเคร่งครัดกับนายหน้าซิมม้า ผู้จัดหาซิมม้า ผู้ขายซิมม้า รวมทั้งผู้ยินยอมให้คนร้ายใช้ซิมตนเองหรือซิมม้า ซึ่งมีโทษสูงสุดคือจำคุก 5 ปีสำหรับนายหน้า ผู้จัดหาซิมม้า และจำคุก 3 ปี สำหรับเจ้าของซิมม้าหรือผู้ยินยอนให้ผู้อื่นใช้ซิมไปกระทำผิดกฎหมาย
4. ให้มีการแจ้งข้อมูลการโทรที่ผิดปกติดังกล่าวข้างต้น ต่อศูนย์ AOC 1441 และระบบ Audit numbering ของ กสทช เพื่อให้เป็นศูนย์กลางรวมรวมข้อมูล ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องทุกหน่วย ร่วมเร่งตรวจสอบขยายผล แบบบูรณาการ วิเคราะห์อาชญากรรม สืบสวนสวน สอบสวนนำตัวผู้กระทำความผิด และเครือข่ายมาลงโทษโดยเร็ว
5. ดำเนินการตรวจสอบ หมายเลขโทรศัพท์/เสาสัญญาณ และการตั้งสถานีแพร่กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบให้ดำเนินการระงับสัญญาณทันที
6. ดำเนินการกำกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีการให้บริการนอกราชอาณาจักรไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหากตรวจสอบพบก็จะให้มีการแก้ไขปรับเปลี่ยนทิศทางการแพร่สัญญาณ
นายประเสริฐ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบการใช้บัตรประจำตัวชาวต่างด้าวมาลงทะเบียนซิมการ์ดเพื่อเปิดใช้งานและขายแก่บุคคลทั่วไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นช่องทางที่มิจฉาชีพใช้เพื่อหลอกลวงประชาชน ซึ่งได้มีการจับกุมครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงดีอี ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ดำเนินการตรวจสอบ สอบสวน ขยายผลและจับกุม เครือข่ายซิมม้าได้ที่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พร้อมของกลางซิมการ์ดพร้อมใช้งาน 4,379 หมายเลขและที่จังหวัดชุมพร ซึ่งสามารถยึดของกลางได้มากกว่า 10,000 หมายเลข กระทรวงดีอีเอส สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ให้บริการมือถือ มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิด ให้ความสำคัญกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาการใช้ซิมม้าหลอกลวงประชาชน จึงขอเตือนไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงจรซิมม้าหรือผู้ที่ยินยอมให้ผู้อื่นใช้ซิมการ์ดไปกระทำผิดกฎหมาย ให้รีบไปยกเลิกหมายเลขทันที เพราะขณะนี้ภาครัฐเดินหน้าการปราบปรามขั้นเด็ดขาด ซึ่งจะมีโทษหนัก อาจต้องถูกตัดสินจำคุกถึง 5 ปี