อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี แจ้งความเอาผิดเรือบรรทุกขยะถูกคลื่นซัดลอยไปเกยตื้น ที่บริเวณหน้าอ่าวพีพีดอน เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังกระทบแนวปะการังได้รับความเสียหาย เตรียมประสานนักวิชาการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเพิ่มเติม ขณะที่ผู้ประกอบการเจ้าของเรืออยู่ระหว่างกู้ซากเรือแต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก
จากกรณีเกิดเหตุ เรือบรรทุกขยะของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งถูกคลื่นลมแรงพัดเรือไปชนกับโขดหิน ทำให้ท้องเรือแตก น้ำเข้าเรือ และเกยตื้นอยู่บนโขดหิน ที่บริเวณหน้าอ่าวพีพีดอน เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุทางผู้ประกอบการเจ้าของเรือลำดังกล่าว พยายามกู้ซากเรือ แต่เป็นไปด้วยความลำบาก และพบว่าเรือได้กระทบแนวปะการังน้ำตื้นบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหายด้วย เนื่องจากเรือมีขนาดใหญ่ มีน้ำหนักมาก ทางเจ้าท่าภูมิภาค สาขากระบี่ และผู้ประกอบการ ได้วางแผนการกู้เรือขึ้นจากน้ำ จะใช้เรือบรรทุกเครนขนาดใหญ่ ยกเรือขึ้น ลากออกจากพื้นที่ เพื่อไม่ให้กระทบแนวปะการัง คาดว่า 2-3 วัน ช่วงน้ำทะเลขึ้นสูงสุดจะสามารถดำเนินการได้
ความคืบหน้าวันที่ 14 มี.ค.นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่อุทยานประจำเกาะพีพี เข้าแจ้งความที่สภ.เกาะพีพี เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังพบว่าแนวปะการังน้ำตื้นบริเวณจุดที่เรือเกยตื้นได้รับความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งหลังจากนี้จะประสานนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและสรุปความเสียหายอีกครั้ง เพื่อที่จะดำเนินคดีกับผู้ประกอบการเรือลำดังกล่าวต่อไป เนื่องจากทางอุทยานฯ มีหน้าที่ปกป้องดูแลทรัพยากรธรรมชาติในเขตอุทยานทุกพื้นที่ ตามนโยบายของกรมอุทยานฯ
ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 ได้ดำน้ำสำรวจ บริเวณที่จุดเรือเกยตื้น ที่บริเวณหินแพ หน้าเกาะพีพีดอน พบร่องรอยการครูด ไถล ของตัวเรือ บนแนวปะการังโขด ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาวกว่า 20 เมตร เนื้อที่ประมาณ 100 ตารางเมตร ปะการังเสียหาย เป็นจำนวนมาก และพบขยะ ตกกระจายอยู่ในแนวปะการังใกล้ตัวเรือ จากการสำรวจโดยรอบตัวเรือและรอบบริเวณจุดที่เรือเกยตื้น ไม่พบการรั่วไหลของน้ำมันและคราบน้ำมัน
ด้าน นายสุรศักดิ์ มงคลไชยสิทธิ์ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขากระบี่ เปิดเผยกรณีที่มีการระบุว่า มีน้ำมันอยู่ในเรือที่ประสบเหตุกว่า150ลิตรนั้น เกรงจะรั่วลงทะเลตามที่หลายฝ่ายกังวลนั้น จากการตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีน้ำมันจำนวนดังกล่าวอยู่ในลำเรือแต่อย่างใด