"เลิศศักดิ์" จี้สำนักงาน ปปง. เร่งอายัดทรัพย์สินซีอีโอบริษัทสตาร์ค ขอประชาชนได้รับความเสียหายยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานภายใน 90 วัน
เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 66 ที่รัฐสภา นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด (กมธ.ปปง.) แถลงกรณีที่ กมธ. พิจารณาติดตามความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินในคดีบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ว่า กมธ.ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการติดตามและศึกษาคดีฉ้อโกง บริษัทสตาร์คฯ มีนายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธานคณะอนุ กมธ. เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการดังกล่าว จากข้อมูลการดําเนินการของสํานักงาน ปปง.ได้ยึดและอายัดทรัพย์สินแล้วประมาณกว่า 300 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินสด เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร เงินลงทุน หลักทรัพย์ และทรัพย์สินที่ สํานักงาน กลต. ดําเนินการอายัดไว้
นายเลิศศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลของสำนักงาน ปปง. ไม่ปรากฏชื่อซีอีโอของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) ที่เป็นตัวการสำคัญในคดียังไม่ถูกอายัดทรัพย์สิน จึงได้ขอให้สำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการเร่งอายัดทรัพย์สินด้วย ยืนยันว่ากรณีนี้ กมธ.ปปง. จะทำงานอย่างเต็มที่เพราะทรัพย์สินที่อายัดมาก่อนหน้านั้นมีเพียง 300 กว่าล้านบาท แต่ในด้านของบุคคลที่ได้รับความเสียหาย มีมูลค่าทรัพย์กว่า 9,000 ล้านบาท
ด้านนายดนุพร กล่าวว่า กมธ. ได้รับทราบข้อมูลการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของอดีตประธานกรรมการบริษัทสตาร์ค กับพวกจากสำนักงาน ปปง. จึงขอแจ้งให้ประชาชนผู้ได้รับความเสียหายได้รับทราบ โดยสำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตรวจสอบทรัพย์สินอดีตประธานกรรมการบริษัทสตาร์ค กับพวก และมีการดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินแล้ว ประมาณ 300 กว่าล้านบาท ประกอบด้วยเงินสด เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร เงินลงทุน และหลักทรัพย์ เป็นต้น และทรัพย์สินที่ ก.ล.ต. ดำเนินการอายัดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะพนักงานเจ้าหน้าที่อีกจำนวนหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามทรัพย์สินจำนวนนี้มีกลุ่มบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องหลายราย จึงต้องพิจารณาและตรวจสอบอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบสิทธิบุคคลภายนอกผู้สุจริตและให้ความเป็นธรรมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องดังกล่าวด้วย
นายดนุพร กล่าวต่อว่า กรณีเส้นทางการเงินหรือธุรกรรมที่พบในประเทศ ทาง ปปง.จะดำเนินการอายัดทรัพย์สินจำพวกนี้ก่อน สำหรับกรณีเส้นทางการเงินหรือธุรกรรมที่พบในต่างประเทศจะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินให้มีความชัดเจนอีกครั้ง ทั้งนี้ ทาง กมธ. ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้ได้รับความเสียหายจากคดีบริษัทสตาร์คฯ ยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดแห่งความเสียหายต่อสำนักงาน ปปง. ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่สำนักงาน ปปง. ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการยื่นคำร้องดังกล่าว