สหรัฐและยุโรป ประกาศเคียงข้างอังกฤษ ชนรัสเซีย กรณีความขัดแย้งเรื่องการใช้สารเคมีทำลายระบบประสาทโจมตีอดีตสายลับรัสเซีย อาการสาหัส ซึ่งอังกฤษเชื่อว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลัง ขณะรัสเซียปฏิเสธและไม่ยอมชี้แจงตามคำเรียกร้องของอังกฤษ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของอังกฤษ เห็นชอบร่วมกันเมื่อวานนี้ว่า รัสเซียต้องให้คำตอบที่ชัดเจน หลังรัฐบาลอังกฤษขีดเส้นตายให้รัสเซียถึงเที่ยงคืนวันนี้ เพื่อชี้แจงว่า มีการใช้อาวุธเคมีทำลายระบบประสาทที่ผลิตขึ้นในยุคของโซเซียตโจมตีนายเซอร์เก สกรีพัล อดีตสายลับรัสเซียในอังกฤษได้อย่างไร โดยเมย์ ซึ่งกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า มีความเป็นไปได้สูงที่รัสเซียจะอยู่เบื้องหลังวางลอบวางยาพิษสังหารนายสกรีพัล วัย 66 ปี กับยูเลีย ลูกสาววัย 33 ปีของเขา ได้รับเสียงสนับสนุนจากพันธมิตรในยุโรปและสหภาพยุโรป หรืออียูด้วย ซึ่งประณามการโจมตีดังกล่าวว่า น่าตื่นตระหนก และเสนอให้ความช่วยเหลือตามล่าตัวผู้มีส่วนรับผิดชอบ
ส่วนนายเจนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ซึ่งมีสหรัฐเป็นผู้นำ กล่าวว่า การโจมตีดังกล่าว “น่าสยดสยอง”
อย่างไรก็ตาม รัสเซีย ส่งสัญญาณแล้วว่า มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะให้คำตอบอย่างชัดเจนต่อข้อเรียกร้องของรัฐบาลอังกฤษในการชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวภายในวันพุธ พร้อมทั้งปฏิเสธแล้วว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าว รัสเซียบอกว่า จะไม่สนใจกับเส้นตายของอังกฤษ จนกว่าทางอังกฤษจะมอบตัวอย่างของสารเคมีทำลายระบบประสาท ที่ใช้ และขอเข้าร่วมการสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว
นายสกรีพัล อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทหารรัสเซีย ทรยศหักหลังหน่วยข่าวกรองรัสเซียหลายสิบคน เพื่อเป็นสายลับให้หน่วยข่าวกรองอังกฤษ ก่อนถูกจับกุมตัวได้ในกรุงมอสโก และจำคุกในปี 2549 เขาได้รับการปล่อยตัว ภายใต้ข้อตกลงแลกเปลี่ยนสายลับในปี 2553 และขอลี้ภัยในอังกฤษ ซึ่งเขาใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ในเมืองซาลิสบิวรี จนกระทั่งเขาและลูกสาว ถูกพบหมดสติอยู่บนม้านั่งยาวนอกศูนย์การค้าในเมืองดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา
ขณะที่ ตำรวจอังกฤษนายหนึ่ง ซึ่งก็ได้รับสารเคมีทำลายระบบประสาทเช่นกัน ขณะนี้ ได้สติแล้ว อาการสาหัส แต่ยังทรงตัว