"ชัยชนะ"ชี้รัฐบาลต้องกล้า "กาสิโน" ถูกกฎหมาย (มีคลิป)

2023-11-20 20:05:02

"ชัยชนะ"ชี้รัฐบาลต้องกล้า "กาสิโน" ถูกกฎหมาย (มีคลิป)

Advertisement

"ชัยชนะ"ชี้รัฐบาลต้องกล้า "กาสิโน" ถูกกฎหมาย สิ่งใดมีการเก็บส่วย เรียกรับผลประโยชน์ใต้ดิน จะต้องนำขึ้นมาบนดิน ออกระเบียบ กฎเกณฑ์ให้ถูกต้อง

เมื่อวันที่ 20 พ.ย.66 ที่ จ.ตาก นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส. นครศรีธรรมราช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร  พร้อมด้วย นายทรงศักดิ์ มุสิกกอง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ กมธ. นำ กมธ. ลงพื้นที่ จ.ตาก เพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางป้องกันปราบปรามบ่อนการพนัน การพนันออนไลน์ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี การค้ามนุษย์ และกลุ่มธุรกิจสีเทา การลักลอบเข้า-ออกประเทศผ่านเส้นทางธรรมชาติ รวมทั้งปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดน

นายชัยชนะ  กล่าวว่า การเดินทางในครั้งนี้ได้มีการลงพื้นที่ใน 3 จังหวัดประกอบด้วย อ.แม่สาย จ.เชียงราย จ.ภูเก็ต และ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยจะได้นำปัญหาทั้งหมดที่รับฟังจากในพื้นที่ ตั้งแต่งบประมาณ กำลังพล ไปเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งไปยังรัฐบาลให้ปัญหาต่างๆ ได้รับการแก้ไข สำหรับปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ปัญหาสังคม ปัญหายาเสพติดที่ได้รับเรื่องมานั้น ก็ต้องนำเสนอต่อรัฐบาลด้วย เพื่อให้มีการออกมาตรการ และนโยบายเพื่อปราบปรามปัญหาดังกล่าว ปัญหาประเทศไทยวันนี้ เรื่องยาเสพติดเป็นปัญหาแรก รองลงมาคือปัญหาการพนันออนไลน์ ที่ทำให้เกิดการฆ่าตัวตาย หรือฆ่ายกครัว ดังนั้นรัฐบาลควรให้ความสำคัญในการแก้ไขโดยตรง ที่สำคัญอย่าให้เพียงแต่ให้นโยบายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเดียว ต้องให้คน และงบประมาณมาด้วย

นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า  ประเทศไทยต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง วันนี้เราศึกษาเรื่องการสร้างกาสิโน เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ตั้งแต่ปี 2548 ครั้งที่ 2 ปี 2565 และครั้งนี้ก็มีการยกร่าง ดำเนินการศึกษาอยู่ วันนี้ตามแนวเขตชายแดน ตั้งแต่ อ.แม่สอด อ.แม่สาย จ.เชียงราย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ทั้งหมดล้วนมีกาสิโนหมดแล้ว ดังนั้นรัฐบาลต้องกล้าทำเรื่องเหล่านี้ ถ้าเราจะผลักดันเรื่องนี้ ก็ต้องผลักดันกฎหมายให้เกิดขึ้น และพิจารณาว่ารัฐได้ประโยชน์อะไรบ้าง เพราะการจะให้ประเทศจะเจริญได้นั้น สิ่งใดที่มีการเก็บส่วย มีการเรียกรับผลประโยชน์ใต้ดิน จะต้องนำขึ้นมาบนดิน และออกระเบียบ กฎเกณฑ์ให้ถูกต้อง

นอกจากนี้ที่ประชุม กมธ. ยังได้รวบรวมปัญหาและผลกระทบจากการออก พ.ร.บ.ตำรวจ ซึ่งเป็นการปฏิรูปตำรวจ และได้บังคับใช้กับการแต่งตั้งเป็นครั้งแรกด้วย โดยจะได้นำเสนอต่อสภาได้แก้ไขต่อไป สำหรับปัญหาที่มีข่าวว่า จนท.ตำรวจฝั่งไทยไปเรียกเก็บส่วยจากผู้ประกอบการฝั่งเมียนมา ทำให้ฝั่งเมียนมาได้รับผลกระทบ จึงมีการปิดด่านขนส่งสินค้าทั้ง 40 กว่าด่าน ที่เป็นเส้นทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นการยกเว้นตามมาตรา 3 กมธ. จึงได้ลงพื้นที่เพื่อหาข้อเท็จจริง และรับฟังความเป็นมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดตาก รองผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงตัวแทนหอการค้า ทำให้ได้รับทราบใน 3 ประเด็น คือ 1. ข่าวที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง และด่านขนส่งสินค้า 40 กว่าด่านนั้นไม่ได้ปิด มีการขนส่งสินค้าตามปกติ 2. ข่าวที่บอกว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยเก็บส่วยนั้น เกิดจากปัญหาส่วนตัวของคน 2 คน ที่เป็นนายตำรวจระดับนายพล และอดีตนายพล ซึ่งไม่ขอระบุชื่อ 3. จากการสอบถามภาคเอกชน ก็ได้รับทราบว่าเนื่องจากด่านไม่ได้ปิด จึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

นอกจากนี้การที่มีคนจีนที่เดินทางผ่านมาทาง อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อไปประเทศเมียนมาด้วยด่านช่องทางธรรมชาตินั้น ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากด่านดังกล่าวอนุญาตเฉพาะคนไทย และคนเมียนมาร์เท่านั้น แต่ขณะนี้ได้มีคนจีนซึ่งทำธุรกิจสีเทา ไม่ว่าจะเป็นเวปออนไลน์ คอลเซนเตอร์ ในฝั่งเมียนมา ใช้ช่องทางดังกล่าวเดินทางเข้าออก ซึ่งขณะนี้ได้มีการกำชับทั้งตำรวจในพื้นที่ และทางจังหวัดไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังไม่ให้มีการเดินทางด้วยเส้นทางดังกล่าว

จากนั้นคณะกรรมกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ที่บริเวณด่านพรมแดนแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พร้อมกันนี้จะได้เดินทางไปตรวจเส้นทางธรรมชาติที่เป็นจุดการลักลอบเข้าเมืองด้วย