"พริษฐ์"ชี้ผลงานรัฐบาล 60 วันพิสูจน์ยาก 6 เดือนคือบทพิสูจน์

2023-11-11 00:05:42

"พริษฐ์"ชี้ผลงานรัฐบาล 60 วันพิสูจน์ยาก  6 เดือนคือบทพิสูจน์

Advertisement

"พริษฐ์"ชี้ผลงานรัฐบาล 60 วันยังพิสูจน์ยาก  6 เดือนคือบทพิสูจน์จริง จับตา 5 โจทย์ใหญ่นโยบายเศรษฐกิจ การเมือง การลดค่าไฟ ค่าน้ำมันจะยั่งยืนหรือไม่  เงินดิจิทัล 10,000 บาท แก้ รธน. เกณฑ์ทหาร จะออกมาอย่างไร

เมื่อวันที่ 10 พ.ย.66 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการแถลงผลงานในรอบ 60 วัน ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ว่า เมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มีการแถลงผลงานรัฐบาลในช่วง 60 วันแรก เป็นการสรุปสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการตั้งแต่ตั้งรัฐบาลเสร็จ แม้ปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลได้ออกหลายมาตรการลักษณะ “quick wins” ที่หวังผลระยะสั้นทันที แต่ในภาพรวม เรายังคงไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าผลงานของรัฐบาลในห้วง 60 วันที่ผ่านมา จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ และอย่างยั่งยืนตามที่ประชาชนคาดหวังได้จริงหรือไม่  ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะทำไม่ได้หรือไม่พยายามทำ เพียงแต่ว่า 60 วัน ที่ผ่านมาอาจยังพิสูจน์อะไรได้ยาก เนื่องจากบทพิสูจน์ที่แท้จริง น่าจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนข้างหน้า (ธ.ค. 66 - พ.ค. 67) ที่ตนอยากชวนประชาชนทุกคนร่วมกันจับตามอง

(1) มาตรการ “quick wins” ของรัฐบาล ที่เป็นการลดค่าครองชีพ จะถูกพิสูจน์ว่ามีความยั่งยืนหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น “ค่าไฟ” ที่ลดไปได้ด้วยการยืดหนี้ กฟผ. มีความเสี่ยงจะเด้งกลับขึ้นมาหากไม่มีปรับโครงสร้างราคา-ตลาด หรือ “ค่าน้ำมัน” ที่ลดไปได้ด้วยการลดภาษีสรรพสามิต จะเจอแรงกดดันหลายทางจากรายได้รัฐที่หายไปและราคาน้ำมันที่อยู่ในขาขึ้น หรือ “ค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ที่ทำสำเร็จในสายสีม่วงกับสีแดง จะถูกพิสูจน์ว่าสามารถขยายไปสู่สายที่มีผู้โดยสารใช้เยอะที่สุด (เช่น สายสีเขียว) ได้หรือไม่

(2) นโยบายเรือธงที่เดิมพันสูงอย่าง “เงินดิจิทัล 10,000 บาท” จะเริ่มดำเนินการและเริ่มเห็นผลลัพธ์เบื้องต้น รายละเอียดทั้งหมดของโครงการจะถูกเคาะ เช่น เงื่อนไขการใช้จ่ายของประชาชน เงื่อนไขการแปลงเป็นเงินสดของร้านค้า เครื่องมือหรือเทคโนโลยีที่จะใช้ โดยหลายส่วนน่าจะรวมอยู่ในแถลงบ่ายวันนี้ ซึ่งจะทำให้การประเมินข้อดี-ข้อเสียนโยบาย ทำได้บนข้อมูลที่ครบถ้วน

ในส่วนของประโยชน์ (benefits) หากเริ่มแจกได้จริงในไตรมาส 1 ของปี 2567 ตามที่เคยสัญญา เราจะเริ่มเห็นถึงผลกระทบเบื้องต้นต่อการใช้จ่ายและการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ ขณะที่ในส่วนของต้นทุน (costs) หากยังเป็นการให้ประชาชนทุกคน 10,000 บาท ตามที่เคยสัญญา เราจะเห็นว่างบประมาณ 560,000 ล้านบาทที่ต้องใช้ จะมาจากช่องทางไหน และแลกมาด้วยอะไร เช่น การปรับลดงบส่วนอื่น รวมถึงผลกระทบต่อวินัยการเงินการคลัง

(3) นโยบายหลักด้านการเมือง จะเจอ “เส้นตาย” (deadline) ที่ทำให้เห็นการตัดสินใจของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น เรื่องรัฐธรรมนูญ ภายใน ม.ค. 67 รัฐบาลจะต้องมีข้อสรุปจากคณะกรรมการศึกษาแนวทางประชามติฯ ว่าจะเดินหน้าต่อเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร ประชามติครั้งแรกจะเกิดขึ้นหรือไม่ ด้วยคำถามแบบไหน และรัฐบาลคาดว่าประเทศจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายในเมื่อไร ส่วนเรื่องเกณฑ์ทหาร ภายใน เม.ย. 67 เราจะเห็นว่าประเทศจะยังมีเยาวชนกี่คนที่ถูกบังคับไปเป็นทหารโดยที่ไม่อยากเป็น ซึ่งจะแปรผันตามเจตจำนงของรัฐบาลในการลดหรือเลิกการเกณฑ์ทหาร

(4) กฎหมายกว่า 30 ฉบับที่พรรคก้าวไกลเสนอ จะเรียงกันเข้าสภาฯ มาเป็น “คลื่น” ที่ทำให้รัฐบาลต้องตัดสินใจว่าจะมีจุดยืนอย่างไรในหลายประเด็นที่รัฐบาลยังไม่แสดงออก เช่น จะเห็นด้วยกับร่างของก้าวไกล หรือจะเสนอร่างของ ครม. เอง ที่แตกต่างออกไปในรายละเอียด หรือจะไม่เห็นด้วยทั้งหมด

ยกตัวอย่าง เมื่อร่างกฎหมายของก้าวไกลเข้าสภาฯ ไม่ว่าจะเป็น ร่าง พ.ร.บ. แผนและขั้นตอนกระจายอำนาจฯ ร่าง พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า ร่าง พ.ร.บ. ภาษีที่ดินรวมแปลง ร่าง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ร่าง พ.ร.บ. ระเบียบราชการกลาโหม เราจะเห็นทิศทางและจุดยืนของรัฐบาลที่ชัดเจนขึ้นในเรื่องต่างๆ ทั้งการกระจายอำนาจ การป้องกันการผูกขาดทางเศรษฐกิจ การปฏิรูประบบภาษีเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างรัฐที่โปร่งใสและการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน การปฏิรูปกองทัพให้อยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน

(5) ปฏิทินการเมืองจะมีหมุดหมายสำคัญหลายเหตุการณ์ ที่เป็นบทพิสูจน์เสถียรภาพและความเป็นเอกภาพระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ได้แก่ เหตุการณ์แรก การพิจารณา พ.ร.บ. งบประมาณ 2567 ในสภาฯ ช่วง ม.ค.-เม.ย. 67 จะเป็นบทพิสูจน์ว่างบประมาณจะถูกจัดสรรให้กับนโยบายของทุกพรรคร่วมรัฐบาล อย่างเป็นธรรมและเป็นที่น่าพึงพอใจของทุกพรรคหรือไม่ ภายใต้เงื่อนไขว่างบประมาณจำนวนมากต้องใช้ไปกับนโยบาย “เงินดิจิทัล 10,000 บาท” ของพรรคแกนนำ

เหตุการณ์ที่สอง คือการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็น ตามมาตรา 152 ที่เป็นการซักถาม-เสนอแนะ หรือ ตามมาตรา 151 ที่มีการลงมติไม่ไว้วางใจ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนปิดปีแรกของการประชุมสภา หรือ เม.ย. 67 และจะเป็นครั้งแรกของรัฐบาลชุดนี้ และเหตุการณ์ที่สาม คือการหมดอายุลงของบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 ในเดือน พ.ค. 67 รวมถึงอำนาจ สว. ในการเลือกนายกฯ ตาม มาตรา 272 จะทำให้เงื่อนไขสำคัญที่พรรคแกนนำเคยอ้างว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องรวมตัวกับพรรคอื่นที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองหรือจุดยืนทางนโยบายที่แตกต่างกันในอดีต หายจากสมการ