"ไชยา"สั่งกรมฝนหลวงฯศึกษาใช้ "บังไฟ" ทำฝนเเทียม

2023-11-02 16:48:25

 "ไชยา"สั่งกรมฝนหลวงฯศึกษาใช้ "บังไฟ" ทำฝนเเทียม

Advertisement

"ไชยา"สั่งกรมฝนหลวงฯศึกษาใช้วิทยาศาสตร์ควบคู่ภูมิปัญหาชาวบ้านใช้ "บังไฟ" ทำฝนเเทียม   

เมื่อวันที่ 2 พ.ย.66  ที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ อ.เมือง จ.ตาก นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ตาก มีนายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผวจ.ตาก และนายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร นายวีรวัฒน์ อังศุพาณิชย์ รองอธิบดีกรมฝนหลวงฯ ส่วนราชการ ให้การต้อนรับและรายงานสถานการณ์ ในพื้นที่และผลการปฏิบัติการฝนหลวง ทั่วประเทศ ประจำปี 2566  


นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร  กล่าวว่า ผลการปฏิบัติการฝนหลวง ปี 2566 ภาพรวมทั่วประเทศไทย ได้รับผลกระทบจากปัญหา PM2.5  ไฟไหม้ป่า และปัญหาขาดแคลนน้ำตามลุ่มน้ำต่างๆ เนื่องจากปีนี้ประเทศไทยได้รับผลกระทบตากสถานการณ์เอลนิโญ หลายพื้นที่มีฝนตกน้อย ทำให้เกษตรกรและประชาชนขอรับบริการฝนหลวงเป็นจำนวนมาก  กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้เปิดปฏิบัติการ โดยจัดตั้งหน้วยปฏิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศ รวม 20 หน่วย ระหว่างวันที่ 15 ก.พ. ถึง 15 ต.ค.66 ปฏิบัติการฝนหลวง 193 วัน รวม 4,097 เที่ยวบิน มีฝนตก 186 วัน คิดเป็น 96.37% มีรายงานฝนตก 67 จังหวัด มีพื้นที่ได้รับประโยชน์จากปฏิบัติการฝนหลวง 193.94 ล้านไร่ มีฝนตกในพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ 272 แห่ง แบ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ 34 แห่ง และขนาดกลาง 238 แห่ง เกิดปริมาณน้ำสะสม 615.21 ล้าน ลบ.ม. นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็วหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 3 หน่วย ปฏิบัติการระหว่างวันที่ 17 ต.ค. ถึง 31 ต.ค.66 รวม 14 วัน จำนวน 91 เที่ยวบิน ทำให้มีในตกทั้ง 14 วัน คิดเป็น 100 % ในพื้นที่ 11 จังหวัด มีพื้นที่รับประโยชน์ 17.5 ล้านไร่ มีฝนตกน้ำเข้าเขื่อนขนาดใหญ่ 6 แห่ง และอ่างเก็บน้ำ 57 แห่ง รวมปริมาณน้ำสะสม 21.55 ล้าน ลบ.ม.

ด้าน นายไชยา กล่าวชื่นชมปฏิบัติการฝนหลวง สามารถเติมน้ำแบบเต็มอิ่มมั่นใจบรรเทาปัญหาเอลนิโญได้ แต่ในช่วงฤดูแล้งยังห่วงว่าน้ำจะไม่พอใช้ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีการปรับวิธีให้ได้ผลมากยิ่งขึ้น ปกติ การทำฝนทั่วไป วิธีปฏิบัติการ จะทำสามขั้นตอน คือ 1.การก่อเมฆ 2.เลี้ยงเมฆให้อ้วน 3.โจมตี แต่ในภาคอีสาน จะเพิ่มขั้นตอนซ้ำ ในขั้นตอนที่ 1 คือการก่อเมฆ 2 ครั้ง แล้วเลี้ยงให้อ้วนและโจมตี ที่เชื่อว่าจะได้ผลมากยิ่งขึ้น

"ในสนามรบศัตรูคือข้าศึก แต่ปัญหาปากท้องคนไทย ศัตรูของเราคือความแห้งแล้ง ขณะนี้ทราบว่า กรมฝนหลวงมีงานวิจัยเกี่ยวกับการใช้จรวดเพื่อทำฝนเทียม ส่วนตัวมองว่าวันนี้ควรคิดนอกกรอบ เพราะในช่วงบุญเดือน 6 ทางภาคอีสานทุกหมู่บ้านจะมีการทำบั้งไฟเพื่อจุดบั้งไฟขอฝน กับพญาแถนตามความเชื่อของคนอีสานและบั้งไฟเองปัจจุบันก็มีความสูงพอๆกับเครื่องบินที่โปรยสารเคมีเพื่อทำฝนหลวง จะเป็นไปได้หรือไม่ หากบั้งไฟที่จุดขอฝน จะบรรจุหรือนำเอาสารเคมีขึ้นฟ้าไปด้วย เพื่อให้ไประเบิดบนฟ้าโปรยสารเคมีไปในตัว เมื่องานวิจัยเรื่องจรวดรองรับ หากเทียบกับภูมิปัญญาหากทำได้จริงต้นทุนก็จะน้อยกว่า จึงขอให้กรมฝนหลวงฯทำการศึกษาวิธีการใช้วิทยาศาสตร์ควบคู่กับภูมิปัญญาเพื่อยกเป็นหนึ่งใน SOLF POWER"นายไชยา กล่าว

นายไชยา กล่าวต่อว่า  ในส่วนการขอใช้สนามบินที่ จ.ตาก ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม จะทำหน้าที่ประสานงานและสนับสนุนในการขอใช้พื้นที่ให้กับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป