ดีเอสไอสนธิกำลัง จนท.เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบที่ดิน "มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า" หลังมีผู้ร้องเรียน พร้อมให้ความเป็นธรรม ถูกผิดว่าไปตาม ก.ม.
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 1 พ.ย.66 นายเทวา จุฬารี ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 7 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บูรณาการสนธิกำลังกับ เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าไม้รวก เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. เพชรบุรี เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลท่าไม้รวก และฝ่ายปกครองอำเภอท่ายาง นำหมายศาลอาญาจังหวัดเพชรบุรี ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบตำแหน่งและที่ดิน น.ส.3 ก กว่า 200 ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า บริเวณหลังวัดพระพุทธเขาลูกช้าง ม. 6 ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี โดยมี นายเอ็ดวิน วีค ประธานมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า พร้อมทนายความ รับทราบการแสดงหมายของเจ้าหน้าที่ และได้อนุญาตเพียงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบเท่านั้น
นายเทวา กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนดีเอสไอว่าอาจจะมีการบุกรุกเข้าถือครองที่ดินป่าไม้ ลำห้วยและทางสาธารณะหรือไม่ ทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงสั่งการให้มีการสืบสวน จึงอาศัยอำนาจการสืบสวนคดีพิเศษ ขออำนาจหมายค้นจากศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่939 /2566 เข้าดำเนินการ ระหว่างวันที่ 1-2 พ.ย.66 โดยได้ประสานเพื่อสนธิกำลังบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเข้าไปตรวจสอบตำแหน่งและสถานะของที่ดิน น.ส.3 ก กว่า 200 ไร่ ภายในที่ตั้งของมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า โดยใช้อากาศยานไร้คนขับเพื่อประกอบการตรวจสอบจากทางอากาศ โดยบริเวณสถานที่ตั้งจุดบริการที่พักหรือโรงเเรม อยู่กำลังระหว่างการตรวจสอบ รวมทั้งบริเวณจุดที่ถูกร้องเรียนว่า มีการเข้าไปแผ้วถางป่าและขุดถมลำห้วยสาธารณะ เจ้าหน้าทีสำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทศบาลตำบลท่าไม้รวก อยู่ระหว่างการตอบสอบเช่นกัน
ขณะที่นายเอ็ดวิน วิค ประธานมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า พร้อมทนายความส่วนตัว ได้ตำหนิการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ว่า การเข้าตรวจค้นโดยนำเจ้าหน้าที่จากหลายฝ่ายเข้ามา เกรงว่าภาพออกไปจะสร้างความเสียหาย อีกทั้งที่ผ่านมาก็เคยมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้ามาตรวจสอบแล้ว 2 ครั้ง มีเอกสารหลักฐานยืนยัน พร้อมไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปบันทึกภาพขณะตรวจค้นอย่างเด็ดขาด ด้านเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้อธิบายเหตุผลของการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ว่า เนื่องจากมีการร้องเรียนหากที่ดินที่ทางมูลนิธิถือครองอย่างถูกต้อง ก็ไม่ต้องเกรงกลัวความผิดแต่อย่างใด และจะเป็นการดีเสียด้วยซ้ำ เพราะหากตรวจสอบแล้วถูกต้องก็พร้อมจะให้ความเป็นธรรม แต่หากมีความผิดก็ว่ากันไปตามหลักฐาน ทางดีเอสไอไม่ได้มีเจตนาจะมากลั่นแกล้งแต่อย่างใด