นายกฯหารือทูตอิสราเอลวอนช่วยตัวประกันชาวไทยออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด พร้อมนำศพผู้เสียชีวิตกลับไทย
เมื่อวันที่ 13 ต.ค.66 ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรรีและรมว.คลัง ได้เชิญ น.ส.ออร์นา ซากิฟ เอกอัครทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยมาหารือเพื่อช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นด้วยความกังวล หวังว่าสถานการณ์กลับเป็นปกติในเร็ววัน และแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ไทยขอคัดค้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นในทุกรูปแบบโดยทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ รวมถึงคนไทย ขณะที่เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลอิสราเอลเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความสูญเสียเกิดแก่ผู้บริสุทธิ์ โดยพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนไทย และผู้บริสุทธิ์ทุกคน พร้อมจะดูแลทุกคนที่อยู่ในประเทศอิสราเอลเหมือนเป็นพลเมืองของตนเอง แต่ขอให้เข้าใจว่าอิสราเอลเผชิญกับสงครามรูปแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน อย่างไรก็ดี ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ ร่วมมือกับรัฐบาลไทย ท่ามกลางสถานการณ์และความท้าทายที่เกิดขึ้นนี้อย่างดีที่สุด ตอนนี้ได้อพยพคนที่อยู่ในพื้นที่อันตรายออกมา 4 กิโลเมตรจากพื้นที่อันตราย ทราบดีว่ารัฐบาลไทยให้ความสําคัญสูงสุดในสวัสดิภาพและความปลอดภัยของคนไทยในอิสราเอล ซึ่งมีประมาณ 30,000 คน รัฐบาลอิสราเอลได้ติดตาม ประเมินสถานการณ์และจัดแผนให้การช่วยเหลือคนไทย ขณะนี้มีคนไทย 16 คน ถูกลักพาตัว ซึ่งรัฐบาลห่วงกังวลต่อความปลอดภัยของคนไทยเหล่านี้ ทางรัฐบาลอิสราเอลพร้อมให้ความช่วยเหลือเพื่อให้คนไทยทั้ง 16 คน ได้รับการปล่อยตัว
ต่อมา 09.20 น. นายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือ ว่า ได้เรียนเชิญเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย มาอัพเดทสถานการณ์และขอร้องว่าให้ช่วยคนไทยอย่างไรบ้าง โดยเรื่องแรกส่วนคนงานไทยที่เสียชีวิตในอิสราเอลก็ขอร้องผ่านเอกอัครราชทูตไปว่า ขอให้นำกลับมายังประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ซึ่งทางอิสเราเอลก็ขอความเห็นเช่นกัน เนื่องจากมีขั้นตอนหลายอย่าง แต่ได้รับปากว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ เนื่องจากปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตเป็นพันศพ จำเป็นต้องมีการชันสูตรและพิสูจน์ทราบ แต่การยืนยันว่าจะให้ความสำคัญอย่างเต็มที่ เนื่องจากขั้นตอนการพิสูจน์ทราบอัตลักษณ์มีความสำคัญ เพราะมีการเสียชีวิตแล้ว จะได้เงินค่าตอบแทน รวมทั้งบุตรธิดาด้วยที่จะได้รับค่าตอบแทนตลอดชีวิต ดังนั้นต้องทำให้ถูกต้องก่อนนำศพกลับมาประเทศไทย ขอร้องว่าให้ใจเย็นๆ เข้าใจความรู้สึกขอครอบครัวดี และรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างเต็มที่
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ในการหารือกับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยได้ขอร้องไปทางอิสราเอลว่ามีคนไทยจำนวนหนึ่งที่แสดงเจตจำนงกลับประเทศไทยกว่า 6,000 คนแล้ว ซึ่งความเร็วรวดในการอพยพมายังที่ปลอดภัยต้องยอมรับว่าข้อมูลยังสับสนอยู่ แต่ที่แน่นอนคือจะสามารถอพยพได้วันละ 200 คน ซึ่งทางเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยยืนยันว่า มีเครื่องบินมารับเท่าไร ก็พร้อมที่จะนำส่งกลับออกมาทันที จุดใหญ่วันนี้คือเครื่องบินที่จะต้องไปรับกลับมาให้ได้ วันนี้คณะทำงานฯจะมีการประชุมเพื่อหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อนำคนไทยกลับมาได้โดยเร็ว ซึ่งเอกอัครราชทูตฯให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลอิสราเอลให้ความสำคัญสูงสุดในการลำเลียงคนออกมาจากจุดต่างๆ มายังจุดปลอดภัยและพร้อมส่งกลับ รวมทั้งระหว่างรอก็มีประชาชนที่ประสบปัญหาด้านจิตใจ ซึ่งรัฐบาลอิสราเอลให้ความสำคัญในการเช้ามาดูแลอย่างดีเท่าที่จะทำได้
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า กรณีมีคนไทยถูกบังคับให้ทำงานอยู่ที่พื้นที่ที่เกิดภาวะสงคราม เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย รับทราบถึงปัญหาดังกล่าว และพยายามฟื้นหาความจริงให้ได้ และเห็นด้วยกับตน 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะมาบังคับให้ทำงานในภาวะสงครามไม่ได้ ไม่ควรจะให้เกิดในช่วงเวลาเช่นนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เราต้องลืมเรื่องผลประโยชน์ไปก่อน และเอาความปลอดภัยของประชาชนคนไทยมาเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เอกอัครราชทูตฯยืนยันว่าภาระสงครามไม่ได้ลดหย่อนลง ความเข้มข้นยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ต้องขอร้องและวิงวอน ซึ่งความจริงก็คือการกดดันเอกอัครราชทูตฯท่านว่า คนของเราไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง หรือเป็นส่วนหนึ่งของข้อพิพาทของใครทั้งนั้น แต่เรากลายเป็นชาติที่สูญเสียมากเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ ถ้าไม่นับอิสราเอล เรามีผู้เสียชีวิตแล้ว 21 คน ถือว่าสูญเสียมาก และยังไม่แน่ใจว่าจะมีแค่นี้หรือไม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วย ในการหารือและขอร้องเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยเป็นเรื่องสุดท้ายคือเรื่องของตัวประกัน ขอให้ดูแลและขอร้องให้เร่งเจรจาเพื่อนำตัวออกมาให้ได้ และตัวประกันไม่ได้ของชาติไทยเพียงชาติเดียว ตัวประกันทุกชาติก็ไม่ได้เป็นส่วนของข้อพิพาทตรงนี้ เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะดูตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศฉบับใดก็ตามคนเหล่านี้ต้องถูกปล่อยออกมาโดยเร็วที่สุด และต้องให้ความสำคัญที่สุด รัฐบาลไทยก็พยายามใช้ทุกเส้นทาง ทั้งเรื่องความมั่นคงคงไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลทำอย่างเต็มที่ วันนี้คณะทำงานฯจะเชิญตัวเเทนสายการบินเอกชนต่างๆมาพูดคุยที่กระทรวงการต่างประเทศ หวังว่าจะมีความคืบหน้าออกมา เพราะมีขั้นตอนหลายอย่างในการบินข้ามประเทศ และน่านฟ้า เที่ยวบินพิเศษต่างๆ ที่จะบินผ่านเข้าไป จะต้องขออนุญาตก่อน ไม่ว่าน่านฟ้าประเทศไหน ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างเต็มที่ กระทรวงสาธารณสุขเองก็เตรียมที่พร้อมที่จะรับผู้ป่วยกลับมา กระทรวงแรงงานก็ช่วยประสานงานอย่างเต็มที่ ทำงานกันโดยตลอดไม่ได้หยุด ทั้งนี้ ในเรื่องการขออนุญาตบินผ่านน่านฟ้าของแต่ละไฟลท์ กำลังพยายามเจรจาในการลดขั้นตอนเพื่อเป็นการประหยัดเวลา เพราะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่ปกติ เกิดภาวะสงคราม ก็หวังว่านานาชาติจะช่วยอำนวยสะดวกให้เรา เพราะปัจจุบันเครื่องบินที่จะไปนำคนไทยกลับมายังไม่เพียงพอกับความต้องการ และเห็นใจครอบครัวที่อยู่ในประเทศไทย ใจเขาใจเรา
ต่อข้อถามถึงข้อกังวลเกี่ยวกับเอกสารของคนไทยที่จะนำกลับ จะมีการลดขั้นตอนอย่างไรให้เกิดความรวดเร็ว นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอย้ำอีกครั้งความสำคัญสูงสุดของเราคือต้องพาคนไทยออกมาให้เร็วที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าภาวะสงครามนี้จะยึดเยื้อนานขนาดไหน ตนจึงสั่งการท่านทูตไปว่าเรื่องเอกสารเป็นเรื่องรอง เมื่อถามว่า ความคืบหน้าการนำคนไทยไปพักไว้ในประเทศที่ 3 นายเศรษฐา กล่าวว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังคุยอยู่ซึ่งน่าจะมีประเทศอียิปต์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเมืองจิดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ก็พยายามคุยกันอยู่ ถ้าหากเข้าไม่ได้ก็จะพักคอยไว้ แล้วหากมีสายการบิน สามารถบินเข้าออกได้ก็ให้รับมาเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทางที่สามารถทำได้ ซึ่งจากการพบกับทูตอิสราเอล ผมมีความสบายใจขึ้นมานิดนึง เพราะท่านทูตยืนยันว่าไม่ต้องห่วงตอนนี้พร้อมหมด ใครจะมาถ้ามีเครื่องบินพอก็สามารถออกมาได้หมด ซึ่งสามารถขนย้ายคนมาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว และในพื้นที่สู้รบ (Red Zone) 0-4 กิโลเมตร ซึ่งในฉนวนกาซา 99% ของคนไทยหรือชาวต่างชาติที่เป็นผู้บริสุทธ์ได้ถูกอพยพออกจากพื้นที่สู้รบแล้ว ตอนนี้ต้องไปดูว่าพื้นที่โซน 4-9 กิโลเมตร จะทำอย่างไรต่อไปก็จะพยายามเต็มที่