"พิเชษฐ์"แจงฟื้นโครงการรัฐสภาจังหวัดปัดผลาญงบ

2023-09-20 21:55:17

"พิเชษฐ์"แจงฟื้นโครงการรัฐสภาจังหวัดปัดผลาญงบ

Advertisement

"พิเชษฐ์"แจงฟื้นโครงการรัฐสภาจังหวัดปัดผลาญงบ ยันช่วยตอบสนอง ปชช. ไม่ซ้ำซ้อนศูนย์ดำรงธรรม  

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 66 ที่รัฐสภา นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 แถลงชี้แจงกรณีมีกระแสพาดพิงเตรียมผลาญงบประมาณในการฟื้นโครงการก่อสร้างรัฐสภาจังหวัดทั่วประเทศว่า การดำเนินการในเรื่องนี้ ยังไม่ถึงการพิจารณาว่าจะไปจังหวัดไหนเลย เป็นเพียงการเริ่มต้น ซึ่งการฟื้นรัฐสภาจังหวัด เป็นเรื่องเดิมที่เคยดำเนินการมาตั้งแต่ยุคนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เริ่มนำร่องไว้ที่ 6 จังหวัด ในช่วงปี2556 แต่ต่อมาทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ภายหลังมีการรัฐประหารปี2557 ได้มาประเมินแล้วยุติโครงการลง วันนี้ สส.ทุกพรรคจึงได้ร่วมกันคิดเริ่มต้นในปีงบประมาณ 67 - 68 เพื่อให้เกิดผลการตอบสนองต่อประชาชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น จากนี้ไปถ้ามีรัฐสภาจังหวัดจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายต่างๆของภาคประชาชนได้รวดเร็วขึ้น  อยากเรียนไปยังผู้ที่บอกว่า ส.ส.ไม่เห็นด้วย หรือการเตรียมการผลาญงบครั้งใหญ่ ไม่ใช่ ฝ่ายนิติบัญญัติของเราต้องการขยับขยายเพื่อที่ตอบสนองประชาชนมากขึ้น หลังจากเราถูกปฏิวัติรัฐประหารมา2ครั้ง เราจะเริ่มต้นทำให้กระบวนการนิติบัญญัติเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

เมื่อถามว่า ได้มีการกำหนดแผนงบประมาณในการดำเนินการโครงการรัฐสภาจังหวัดแล้วหรือไม่ นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนด เป็นการเริ่มประชุมครั้งแรก แต่หากจะกำหนดงบประมาณของแต่ละจังหวัดในการเริ่มต้น ที่ประชุมคงจะมีการหารือโดยใช้วิธีการสอบถามข้อมูลเดิมที่มีการนำร่อง6จังหวัดที่ผ่านมา ทั้งด้านบุคลากร งบประมาณ เพื่อเป็นพื้นฐานการดำเนินการในจังหวัดอื่นๆต่อไป

ต่อข้อถามถึง ข้อวิจารณ์ที่บอกว่ามีการใช้งบฯจำนวนมากจะทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับความคุ้มค่าหรือไม่ รองประธานสภาฯ คนที่2 กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณาว่าจะใช้งบฯจำนวนเท่าใด แต่ในอดีตที่ผ่านมามีการใช้งบฯตามที่รัฐสภาอนุมัติไป ที่บอกว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่น ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ต้องมีหลักฐานปรากฎออกมาว่ามีปัญหาตรงส่วนไหน งบประมาณใด ซึ่งจากการประเมินของ สนช. ที่คณะรัฐประหารตั้งขึ้นมาประเมินฝ่าย ส.ส. ตนคิดว่าอยู่ในอำนาจเผด็จการมากกว่า

เมื่อถามถึง โครงการรัฐสภาจังหวัดอาจไปซ้ำซ้อนกับศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ที่มีอำนาจหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์หรือส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมือง นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ศูนย์ดำรงธรรมเป็นการรับเรื่องร้องเรียนของฝ่ายบริหารคือกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายนิติบัญญัติ ก็เป็นส่วนหนึ่ง จริงๆแล้วเราตรวจสอบฝ่ายบริหารด้วยซ้ำ จริงๆแล้วประสิทธิภาพของรัฐสภาถ้าไปอยู่ที่ภูมิภาคหรือจังหวัด เราคิดว่าจะสามารถตรวจสอบฝ่ายบริหารได้มากขึ้น ช่วยแก้ปัญหามากขึ้น ไม่ซ้ำซ้อนศูนย์ดำรงธรรมแน่นอน

ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่เคยพิจารณาในช่วงหลังการรัฐประหารจะไม่นำมาพิจารณาเลย เพราะเป็นกรอบความคิดของคณะรัฐประหาร ที่มองสภาฯคนละแบบกัน วันนี้เราต้องการให้รัฐสภาจังหวัดสามารถตรวจสอบติดตามการทำงานฝ่ายบริหาร ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการขอใช้พื้นที่ ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณจำนวนจำนวนมากนั้น ไม่จริง เราจะขอพื้นที่ของศาลากลางจังหวัด แต่จะต้องดูความพร้อมของแต่ละจังหวัดก่อน โดยจะไม่มีการเช่าสถานที่ สำหรับโครงสร้างองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ในเบื้องต้นได้กำหนดไว้ 7 คนมาที่จากส่วนกลางจากรัฐสภา ลงไปทำงานควบคู่กับผู้ช่วย ส.ส. ที่มีอยู่ 8 คนต่อ 1 ส.ส. เพราะฉะนั้นกำลังคนจะไม่มีแค่เฉพาะที่เราตั้งไว้ 7 คนเท่านั้น