"ชวน"เตือนนายกฯเป็นนักธุรกิจมาเล่นการเมืองอย่าโกง ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แล้วจะปลอดภัยอยู่ครบ 4 ปีไม่ต้องติดคุก
เมื่อวันที่ 12 ก.ย.66 ที่รัฐสภา มีการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 163 โดยนายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิปราย ว่า ตนขอแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรี แต่ตนไม่ได้ให้ความเห็นชอบท่าน เพราะท่านมาจากพรรคการเมืองที่เลือกปฏิบัติกับประชาชน เมื่อครั้งที่พรรคไทยรักไทยถือหลักว่าพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกเขา จังหวัดอื่นไว้ทีหลัง ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกที่กระทบต่อความรู้สึกของคนในพื้นที่ที่ไม่เลือก โดยเฉพาะในภาคใต้ พวกเราจึงรณรงค์ประชาชนว่าอย่าเลือกพรรคที่เลือกปฏิบัติกับเรา ผลของการรณรงค์ ประชาชนจำนวนไม่น้อยก็เชื่อตาม พรรคไทยรักไทยได้รับเลือกตั้งน้อยมาก และเมื่อมาเป็นพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้สส.เลยในภาคใต้ ดังนั้น ถ้าวันนี้เราไปเลือกผู้ที่มาจากพรรคเพื่อไทยให้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เท่ากับหักหลังชาวบ้าน และทรยศประชาชน ตนจึงขออนุญาตพรรคประชาธิปัตย์ที่มติว่าให้งดออกเสียงในการเลือกนายกฯ โดยตนขออนุญาตไม่รับรองให้ท่านเป็นนายกฯ แต่ตนให้ความเป็นธรรมแก่นายกฯ เพราะนั่นเป็นนโยบายของรัฐบาล 2 คณะในอดีตที่ทำให้จังหวัดในภาคใต้เสียโอกาส ทั้งที่จังหวัดเหล่านั้นเป็นจังหวัดที่สร้างรายได้ให้ประเทศอย่างมาก
นายชวน กล่าวต่อว่า นายเศรษฐามีคุณสมบัติไม่ด้อยกว่าคนอื่น ตั้งแต่คนที่ 1 ไล่เรียงจนมาถึงคนที่ 5 คือนายเศรษฐา ถ้าจะให้ตนเสนอแนะ ก็คงบอกได้แค่ว่าอย่าไปติดคุก อย่าหนีออกนอกประเทศ อย่าทำอะไรก็ตามที่จะมีปัญหาหลังจากท่านพ้นตำแหน่ง วันนี้เราไม่อาจทราบได้ว่าท่านมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์หรือไม่ แต่สิ่งที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้ตรวจสอบนั้นเป็นประโยชน์กับนายเศรษฐาว่าจะสามารถชี้แจงสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะเจอชะตากรรมอย่างไรนั้น อยู่ที่การปฏิบัติของท่าน ดังนั้นการตรวจสอบความเป็นไปได้ของนโยบายที่เกิดจากผู้ปฏิบัตินั้น จึงถือเป็นสิ่งสำคัญ สิ่งที่จะแนะนำท่านได้ว่าท่านจะหนีชะตากรรมเรื่องคดีได้ คือท่านต้องไม่โกง ข้อกังวลที่ว่าคนที่เป็นนักธุรกิจเข้ามาทำงานการเมืองจะมีปัญหาหรือไม่นั้น ประสบการณ์ในอดีต เกิดการทำเรื่องธุรกิจเป็นการเมือง ทำการเมืองเป็นเรื่องธุรกิจ จึงลดความไว้วางใจต่อนักธุรกิจที่เข้ามาทำการเมือง การที่นักธุรกิจมาทำงานการเมืองไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เป็นประโยชน์ด้วยซ้ำ ทั้งนี้ขออย่างเดียวคืออย่าทำธุรกิจเป็นการเมือง คืออย่าเอาผลประโยชน์ธุรกิจส่วนตัวหรือของพวกพ้องมาเกี่ยวกับการเมือง ส่วนเหตุผลที่ตนเน้นย้ำเรื่องการเลือกปฏิบัตินั้น เพราะคิดว่านายกฯคนใหม่จะมีความเข้าใจบาปบุญคุณโทษ ท่านมาจากครอบครัวที่ดี คงรู้ว่าคนที่ถูกเอาเปรียบ ถูกเลือกปฏิบัตินั้น นอกจากจะขัดกับหลักประชาธิปไตยแล้ว เราไม่ควรมองข้ามหรือละเลยไป โดยตนขอเสนอให้ท่านทบทวนเหตุการณ์นี้ ชดเชยตามความเสียหายจากการเลือกปฏิบัติ ตอนนี้จึงเป็นโอกาสดีที่นายกฯคนใหม่จะได้ใช้วิจารณญาณในการทบทวนและชดเชยตามความเสียหายให้กับพื้นที่ที่ถูกเลือกปฏิบัติ ขอให้นายกฯศึกษาดูความเป็นจริงว่าเป็นอย่างไร แล้วหาทางแก้ไข นอกจากการสร้างสิ่งดีงาม
นายชวน กล่าวอีกว่า นับตั้งแต่เกิดปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่เดือน ม.ค.2547 –ส.ค.2566ทำให้ต้องสูญเสีย 7,520 ชีวิตในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้เราจะพูดถึงงบประมาณจำนวนเท่าไหร่ก็ตาม ไม่สำคัญเท่ากับการสูญเสียชีวิตคน 1 คน แต่ในเนื้อหาคำแถลงนโยบายรัฐบาลไม่มีเรื่องการสร้างความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เลย แต่ปรากฏข้อความอยู่ในยุทธศาสตร์ชาติที่อยู่ในภาคผนวก แต่ไม่ใช่นโยบาย แม้นายกฯเน้นหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง แต่มันไม่มีความอบอุ่นขึ้นถ้าไม่มีความชัดเจนว่าท่านจะแก้ปัญหาในพื้นที่นี้อย่างไร ถ้ายึดหลักนิติธรรมมาตั้งแต่ต้น ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดการสูญเสียชีวิตไป 7,520 คน ก็จะไม่เกิดขึ้น เราต้องหาทางแก้ไขเรื่องนี้ด้วยการยึดหลัก ‘เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา’ ถ้าปฏิบัติตามนี้ ผมเชื่อว่าจะสามารถคลี่คลายปัญหาได้ และขอให้ตั้งใจทำ พร้อมทั้งขอให้กำลังใจคนที่ตั้งใจทำงานเพื่อส่วนรวมด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แล้วท่านนายกรัฐมนตรีก็จะปลอดภัยเมื่อครบ 4 ปีหรือไม่ครบก็ตาม โดยไม่ต้องติดคุกอันเกิดจากการทุจริตไม่อยู่ในกลุ่มโคตรโกง โกงทั้งโคตร ขออวยพรให้ท่านประสบความสำเร็จ