คุณพ่อนักสู้ผู้ประเสริฐ !! "สมจิตร จงจอหอ" กับชีวิตด้านเศร้าที่เล่าแล้วต้องร้องไห้ ลูกชายสมองช้า ภรรยาป่วยหนัก
ถึงแม้จะเป็นนักสู้ในสนามชีวิตแต่ใช่ว่าจะร้องไห้ไม่เป็น สำหรับ แชมป์มวยสากล สำหรับ "สมจิตร จงจอหอ" นักกีฬามวยสากลสมัครเล่นชาวไทย เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2 สมัย เหรียญทองซีเกมส์ 3 สมัย ที่ล่าสุดมาให้สัมภาษณ์เปิดใจทั้งน้ำตาถึงครอบครัวในรายการ Bradboy ของ บอย พิษณุ ในชื่อตอนที่ว่า ไม่ได้สู้แค่บนสังเวียน แต่ “พี่สมจิตร” คือเซียนชีวิตจริง! โดยช่วงหนึ่งได้เล่าถึงอาการป่วยของ "อุ๋ม ศศิธร" ภรรยา ที่รักษาตัวจากโรค SLE อยู่ว่ารักษามากว่า 2 ปีแล้ว และก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
โดย "สมจิตร" เล่าว่า “อาการ 80-90% ดีขึ้น จากวันแรกที่ไปหาหมอ หมอจับแอดมิตเลย แสดงว่าอาการวันที่ไปมันแย่มากละ ทำใจลำบากอยู่ๆ ก็แอดมิตเลย จากที่กะจะมาหาหมอปรึกษาว่าเป็นยังไง จะรักษายังไง แล้ว 3 วันหลังจากนั้น เขาไม่สามารถลงจากเตียงได้เลย เขาปวดเดินไม่ได้ เท้าแตะพื้นไม่ได้ เขาบอกเหมือนเข็มร้อยๆ เข็มแทงที่ขาของเขา กระดูกก็เหมือนมีคนมาบิดเหมือนจะขาดออกจากกันอ่ะ คือโรคนี้มีหลายชนิดมากแต่ของเราเป็นระบบผิวหนัง อาการแรกคือเขาจะคัน แต่รักษาได้เลยโชคดี หมอบอกว่าไม่ต้องหาว่าสาเหตุเกิดจากอะไร มาหาว่าจะรักษายังไงดีกว่า พอรักษาเสร็จปุ๊บถึงรู้ว่าต้นตอมันคืออะไรบ้าง คือ อาหารที่เรากิน ห้ามกินของหมักดอง ที่เรากินมาตั้งแต่เด็กวิถีคนอีสาน ก็ต้องเปลี่ยนการกินใหม่ ห้ามเครียดห้ามนอนดึก พอรู้เรื่องการปฏิบัติตัวก็เริ่มออกจากโรงพยาบาล เราก็ดูแลเขา เมื่อจิตใจดี สุขภาพดี นอนหลับดี ฟื้นฟูเร็ว จากยากินเป็นกำๆ ก็ลดน้อยลง ประมาณปีนึงที่ดูแลเขา ยิมมวยนี่ไม่ทำเลย ปิดเลย”
“ผมมองว่าการที่ตัดสินใจจะแต่งงานด้วยกัน มีลูกกับใครสักคนมันต้องอยู่กันจนแก่ตายไปข้างนึงอ่ะ ถึงแม้ระหว่างทางมันอาจจะมีเรื่องทะเลาะกันบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา แต่สุดท้ายเราปรับความเข้าใจ มันต้องอยู่ด้วยกันให้ได้ในความรักที่มีต่อกันทุกวัน มีกำลังใจให้กันทุกวัน”
ทั้งนี้ "สมจิตร" ยังเล่าถึงลูกชายที่อาการครบ 32 ทุกอย่าง หากแต่ว่าภายในนั้นแฝงโรคบางอย่างที่ไม่อาจมองได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งก็คือโรคทางสมองนั่นเอง โดยคุณพ่อนักสู้บอกว่า
"น้องกำปั้น ผมไม่ค่อยจะบอกรายการไหน กำปั้นเนี่ยเขาอายุ 22 ปี แต่ไอคิวเขาประมาณเด็ก 10 กว่าขวบ 15-16 ขวบ เหมือนเด็กสมาธิสั้น เขาเรียนพูดภาษาได้เก่ง แต่บวกลบคูณหารไม่ได้เลย ความจำตรงนั้นไม่ได้เลย ก็พยายามเรียน เป็นคนร่าเริงเพื่อนเยอะ แต่สุดท้ายพอปี 3 จะขึ้นปี 4 ครูบอกว่าเรียนไม่ได้เพราะสมองน้องไปไม่ได้ ก็เลยต้องดร็อป เมียก็ป่วย ลูกก็เป็นอย่างนี้ ...
... แต่สุดท้ายแล้วผมคิดบวกนะว่ามันอาจจะดีก็ได้ ถ้ากำปั้นเป็นเด็กธรรมดาที่วัย 22 ป่านนี้กำปั้นดื่มเหล้า ขับรถซิ่ง ขี่มอเตอร์ไซค์แว้น ดูดบุหรี่ แต่สมองเขาเป็นเด็ก เขาอยู่กับพ่อกับแม่เป็นเด็กดีร่าเริงทุกคนรักเขาหมด งั้นแสดงว่าสิ่งที่มันโชคร้ายกับผม มันก็คือโชคดีสำหรับผมส่วนนึง เป็นเรื่องราวที่เขาอาจจะกำหนดมา แต่สิ่งที่เจออยู่ที่เราจะปรับมันยังไง เราจะอยู่กับมันยังไง อยู่กับครอบครัวที่เมียป่วย ลูกก็ได้เท่านี้ ...
... เราคิดแง่บวกดีกว่า ถ้าคิดลบเราก็จะท้อแท้ การทำงานก็จะไม่มีสมาธิ สมาธิสำคัญที่สุดในการทำงาน หากเราคิดถึงเรื่องครอบครัว คิดถึงที่มันทุกข์ เราก็จะทำงานตรงนี้ไม่ได้ ผมก็รู้สึกว่าโอเคเราตัดเรื่องนี้เอาไว้ แต่สุดท้ายเราก็จะมีเรื่องอื่นมาทดแทนนะครับ ก็ไม่เสียใจ ไม่เสียดายเลยที่เป็นแบบนี้ ก็มีลูกสาวอีกคน จันทร์เจ้า คนนี้เก่ง สิ่งที่เราได้คือได้ลูกอยู่กับเรา กำปั้นเรียนไม่จบไม่เป็นไร มันไม่ใช่เรื่องของการเอาปริญญามาให้พ่อแล้วพ่อจะภูมิใจ แต่เราภูมิใจที่เขาเป็นคนรักครอบครัว ..."
ก่อนที่เจ้าตัวจะปิดท้ายด้วยประโยคที่ว่า
“เราก็ไม่อยากบอกใครนะ แต่พอวันนึงที่มันรู้สึกว่ามันก็เป็นกำลังใจให้เรายืนหยัด ผมเชื่อว่าเรื่องแบบนี้คนอื่นทุกข์กว่าผมก็มีนะ ลำบากกว่าผมก็มี อยากจะบอกว่าความลำบากอ่ะทุกคนมีหมด อยู่ที่เรานะมีมุมมองยังไงแล้วแก้ไขปัญหามันยังไง ก็เลยได้พูดออกไป”