"จุรินทร์" ลั่น ปชป.พร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล เผย 5 ก.ย. หารืออภิปรายนโยบาย
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ก.ย.66 ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวที่ว่าจะมีการฝากงานรัฐมนตรีใหม่อย่างไรว่า ไม่มีอะไรฝากเพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้กำหนดนโยบายและทิศทางในการทำงานการบริหารงานของรัฐบาล ตนมั่นใจว่าท่านทราบดีอยู่แล้วว่าจะต้องทำอะไรบ้างในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมืองและเป็นประโยชน์กับประชาชน งานไม่ได้มีอะไรยากเป็นพิเศษ ตนมั่นใจในศักยภาพของข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ว่าเป็นกระทรวงที่มีข้าราชการเจ้าหน้าที่ทุกระดับมีศักยภาพอยู่แล้ว พร้อมที่จะสนองนโยบายรัฐบาล เพียงแต่นโยบายอะไรที่เป็นสิ่งที่ถูกที่ควร มั่นใจว่าข้าราชการพร้อมที่จะสนองและจะช่วยฝากให้ด้วยสนับสนุนการทำงานของรัฐมนตรีท่านใหม่ด้วยในสิ่งที่ถูกที่ควร
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าคาดหวังว่าอยากเห็นอะไรในรัฐบาลชุดใหม่ของกระทรวงนี้ นายจุรินทร์ ตอบว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ตนไม่ไปกะเกณฑ์ เพราะถือว่าเราหมดหน้าที่ในฐานะ รมว.พาณิชย์ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่ดำเนินการต่อไป อะไรที่ถูกที่ควรเป็นประโยชน์พร้อมสนับสนุนไม่กังวล ขอให้ รมว.พาณิชย์ และ รมช.พาณิชย์ ประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่ ยุคนี้ถือว่าเป็นยุคที่ราคาพืชผลการเกษตรดีที่สุดยกหนึ่งตั้งแต่มีประเทศไทยมาตนกล้าพูดทุกตัว จะเห็นว่าราคาดีมาก ส่วนนโยบายจะทำอย่างไรต่อไปเป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่เหมือนที่ตนย้ำ เราไปกะเกณฑ์ไม่ได้เพราะเราไม่ได้เป็นรัฐบาล ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะสามารถคงสภาพนี้ได้ต่อไปอย่างไรและจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร ไม่ประสงค์เห็นรัฐบาลทำให้แย่ลงด้วยความจริงใจเพราะทั้งหมดคือผลประโยชน์กับประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่าการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่กำลังจะเกิดขึ้นมองประเด็นไหนเป็นพิเศษหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านจะต้องทำหน้าที่ หรือฝ่ายนิติบัญญัติก็ต้องทำหน้าที่ ในการตรวจสอบนโยบายของรัฐบาล เพราะฉะนั้นในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและงานแรกในสภาก็คือการตรวจสอบนโยบายซึ่งพร้อมที่จะทำหน้าที่เมื่อถึงเวลา
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดสรรคน และประเด็น ที่จะอภิปรายอย่างไร รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันที่ 5 ก.ย. จะได้มีการหารือกันว่าจะได้รับการจัดสรรเวลาเท่าไหร่ แต่สำหรับนโยบายหากเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายเต็มที่ก็จะเกิดประโยชน์ทั้งในส่วนของผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบนโยบายก็จะได้สะท้อนความรู้สึกของประชาชนให้รัฐบาลได้รับทราบ สำหรับรัฐบาลก็จะใช้ประโยชน์ในการรับฟังและนำไปปรับปรุงแก้ไขและอย่างน้อยที่สุดก็ได้อธิบายความตั้งใจของรัฐบาลว่าตั้งใจจะทำอะไรบ้างในส่วนที่จะเป็นสัญญาประชาคมเพราะว่าการแถลงโยบายต่อรัฐสภาถือเป็นข้อผูกมัดสำคัญของรัฐบาลในการที่จะบอกว่ารัฐบาลสัญญาว่าจะทำอะไรให้กับประเทศและประชาชนต่อไป และจะต้องรักษาคำมั่นสัญญานั้นไว้