ศาลฎีกายกฟ้อง "สุเทพ" ฮั้วประมูลสร้าง 396 โรงพัก ภูมิใจในชีวิตนักการเมือง ไม่เคยทุจริต แม้ถูกรุมใส่ร้าย เตรียมปรึกษาทีมกฎหมายฟ้องกลับ ป.ป.ช.
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อม.อธ.11/2565 ที่ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทน ผบ.ตร. พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์ บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็นจำเลยที่ 1-6 ในคดีร่วมกันกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการในการจัดจ้างโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน และโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก หรือ "แฟลตตำรวจ" จำนวน 396 แห่ง
ในชื่อคดีฮั้วประมูลก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งนายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ภายหลังฟังคำพิพากษา ว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองในขั้นอุทธรณ์ ได้มีคำพิพากษาว่า ตนและจำเลยคนอื่นๆ ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฟ้อง ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา ถือว่าคดีนี้สิ้นสุด ใครที่เคยกล่าวหาสงสัยตนมาเป็น 10 ปี วันนี้ก็ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์อย่างชัดเจนแล้ว ตนขอใช้โอกาสนี้กราบขอบคุณพี่น้องประชาชน ผู้ที่หวังดีทั้งหลาย คนที่เคารพนับถือที่ให้ความเชื่อมั่นในตัวตนมาโดยตลอด และได้ให้กำลังใจ และที่มาให้กำลังใจที่นี่ในวันนี้ ตนขอกราบขอบคุณ และซาบซึ้งในน้ำใจ มีความภาคภูมิใจในชีวิตที่เป็นนักการเมือง ไม่เคยทำทุจริตคอร์รัปชันใดๆ แม้จะถูกรุมใส่ร้าย ด้วยความตั้งใจที่จะเล่นงาน ท้ายที่สุดกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ก็ได้ให้ความเป็นธรรม สมกับที่ตนเคารพในหลักการของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เคารพในศาลยุติธรรม คิดว่ากรณีนี้ เป็นอุทาหรณ์ที่ผู้ใช้อำนาจทั้งหลาย ควรจะต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง คนที่ควรจะต้องรับผิดชอบอย่างยิ่งวันนี้ คือคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งดูข้อเท็จจริงดีทุกอย่าง แต่ก็ยังดำเนินคดีกับตน ทั้งที่ศาลฎีกาตัดสินแล้วว่าไม่มีความผิด ก็ยังยื่นอุทธรณ์อีก จึงอยากให้ทาง ป.ป.ช. พิจารณาตนเอง สร้างความเสียหายให้กับตน ทำให้เดือดร้อนมาเป็น 10 ปี เสียชื่อเสียเสียง
เมื่อถามว่าจะมีการฟ้องร้องหรือเรียกร้องให้เยียวยาหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เยียวยาหรือไม่ ตนไม่สนใจ แต่จะปรึกษากับที่ปรึกษากฎหมาย ถ้ามีช่องทางที่จะดำเนินคดีกับ ป.ป.ช. ได้ จะดำเนินคดี
ต่อข้อถามว่า จะหวนคืนสู่เส้นทางทางการเมืองหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ครับ เมื่อตัดสินใจออกจาก ส.ส. มาเดินนำขบวน ตนก็ได้ประกาศกับพี่น้องประชาชนแล้ว ตนไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ทางการเมือง แต่ทำเพื่อชาติบ้านเมือง เพราะฉะนั้นไม่เอาชื่อเสียงความสำเร็จและผลพลอยได้ โอนมาเป็นคะแนนเสียงของตัวเองในทางการเมือง
เมื่อถามว่าโล่งใจหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ผมมั่นใจมาตลอด ในสิ่งที่ผมทำ คือผมได้เปรียบอย่างหนึ่งคือตอนที่ผมเป็นรัฐมนตรี เวลาสั่งการอะไรไป ผมเก็บเอกสารไว้ทั้งหมด ดังนั้นเวลามีคนกล่าวหา จึงสามารถเข้าถึงหลักฐานแบบนี้ และสามารถสู้คดีได้