ประธานรัฐสภายินดี สปป.ลาว เป็นเจ้าภาพประชุม AIPA ครั้งที่ 45 ฝ่ายไทยพร้อมสนับสนุนเต็มที่
เมื่อวันที่ 9 ส.ค.66 ที่โรงแรมแฟร์มอนท์ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร หารือร่วมกับ นายไซ สมพอน ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยทางประธานสภาแห่งชาติลาว ได้กล่าวทักทายและแสดงความยินดีกับท่านประธานรัฐสภาของไทยที่ได้รับตำแหน่งเป็นประธานรัฐสภาและมีความยินดีที่ได้พบกับท่านประธานในวันนี้ ซึ่งการพบกันของทั้งสองตัวแทนจากรัฐสภาถือว่าเป็นการกระชับความสัมพันธ์และเป็นการพัฒนา ความเติบโตของทั้งสองประเทศด้วย
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวแสดงความขอบคุณและยินดีที่ได้พบกับประธานสภาแห่งชาติลาวในการประชุม AIPA ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สันติภาพ การเมือง และความมั่นคงตลอดจนความร่วมมือในหลากหลายมิติ อีกทั้งยังได้แสดงความยินดีกับ สปป.ลาว ในการที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมทั้งอาเซียนและ AIPA ครั้งที่ 45 โดยฝ่ายไทยเสนอตัวสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพของรัฐสภาลาวอย่างเต็มที่ในฐานะมิตรประเทศซึ่งเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดกัน
ประธานรัฐสภาไทย ยังได้กล่าวถึงประสบการณ์ในการพบกันกับท่านประธานสภาแห่งชาติลาวในอดีตในสมัยที่ยังดำรงตำแหน่งรมว.คมนาคม โดยการพบกันที่แขวงสะหวันนะเขตของ สปป.ลาว ในโอกาสที่มีการสำรวจพื้นที่ในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 และหลังจากที่การก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 นี้เสร็จสิ้นเป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้ง 2 ประเทศทั้งในแง่ของการพัฒนาคุณภาพชีวิตและพัฒนาเศรษฐกิจการค้าของทั้ง 2 ประเทศด้วย ซึ่งทั้งไทยและลาวต่างเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญต่อกันมีปริมาณการค้าชายแดนในระดับสูงและในโอกาสนี้ได้เชิญประธานสภาแห่งชาติลาวและคณะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในโอกาสที่เหมาะสม
ประธานสภาแห่งชาติลาว ได้กล่าวขอบคุณในความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองสภา ซึ่งถือว่าเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญทั้งรัฐสภาและรัฐบาลไทยและลาวโดยได้มีการลงนาม ในข้อตกลงความร่วมมือหลายฉบับรวมถึงความสัมพันธ์ในระดับประชาชนที่มีนักท่องเที่ยวไทย ไปเที่ยวยัง สปป.ลาวมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะเพื่อไปนั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงซึ่งเส้นทางนี้สามารถเดินทางไปได้ถึง สิบสองปันนา ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างสองรัฐสภาถือว่ามีความใกล้ชิดอย่างยิ่งโดยในช่วงระหว่างการเดินทางเยือนประเทศไทยของประธานสภาแห่งชาติลาวที่ผ่านมาก็ได้มีการลงนามในความตกลงของทั้งสองสำนักงานเลขาธิการด้วย ซึ่งในความตกลงดังกล่าวได้มีการระบุถึงการร่วมมือระหว่างกัน ในการแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ทั้งในด้านนิติบัญญัติ ในด้านกรรมาธิการ และในด้านอื่น ๆ
ประธานสภาแห่งชาติลาว กล่าวว่า สภาแห่งชาติลาวนั้นในช่วงที่ผ่านมาถือว่าได้มีการหารือและพิจารณากฎหมายหลายฉบับโดยมีกฎหมายที่สำคัญเช่นการออกกฎหมายและการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งน้ำ เนื่องจากเห็นว่าทรัพยากรธรรมชาติรวมถึงแหล่งน้ำและป่าไม้เป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาติซึ่งจะต้องรักษาไว้ แต่ก็ยังมีสิ่งที่สภาแห่งชาติลาวอยากจะเรียนรู้จากประเทศไทย อาทิเช่น กฎหมายเกี่ยวกับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งในปัจจุบันนี้ใน สปป.ลาว มีเขตเศรษฐกิจพิเศษอยู่ 4-5 เขตแต่ไทยนั้นมีหลายเขต รวมถึงต้องการพัฒนาความร่วมมือของ ผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงในการจัดประชุมร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น การค้าผิดกฎหมายข้ามชายแดนโดยเห็นว่าควรจะให้เป็นการจัดประชุมร่วมแบบถาวรเป็นประจำทุกปี
ในตอนท้ายประธานสภาแห่งชาติลาวได้เรียนเชิญประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภาเดินทางเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป