แต่ง 7 เดือนก็มีปัญหาแล้ว "เป็กกี้" ร่ำไห้เคลียร์ใจไม่คุย "ฐากูร" เพราะอะไร ?
เปิดบ้านสุดหรูมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ของสาว "เป็กกี้ ศรีธัญญา" พร้อมควงสามีหนุ่ม ฐากูร มาเผยชีวิตหลังแต่งงานกว่า7 เดือน และอาการป่วยของสาวเป็กกี้ที่ไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow
ตอนนี้เป็นสามี ภรรยา กันมา 7 เดือน ?
เป็กกี้ : ใช่ ตั้งแต่ธันวาคม
จากแฟนเป็นสามี ภรรยา มันเปลี่ยนไปไหม ?
ฐากูร : ก็เปลี่ยนแปลงบ้างครับ เป็นในทิศทางที่ดีขึ้น แล้วก็มีบางอย่างที่อาจจะต้องปรับแก้กัน มันก็เป็นเรื่องของชีวิตคู่
มันมีช่วงหนึ่งที่ทั้งคู่ทะเลาะกันหนักหน่วง ?
เป็กกี้ : เขาเรียกว่าทะเลาะกันทุกไตรมาส 5 ปีครั้ง
ฐากูร : คบกันมาเข้าปีที่ 10 แล้วครับ
5 ปีแรกเรียกว่าหนักเลย ?
เป็กกี้ : ก็มีทะเลาะกันเนื่องจากการทำงาน และความเข้าใจไม่ตรงกัน บางทีเราอยากให้การทำงานมันออกมาเป๊ะ ทิ้งความกดดันไปที่เขา เขามีความเครียด มันขนาดนี้เลยเหรอ แล้วมีอยู่วันนึงเขาพูดมาว่า ถ้านี่ไม่ทำงานเลย อยู่เฉยๆ ที่รักยังจะรักนี่อยู่ไหม ก็เลยมีปัญหากัน นี่ก็เลยบอกว่า ถ้าเธอจะมีคุณค่าอะไรล่ะ คนเราก็ต้องมีคุณค่าด้านการทำงานสิทีนี้เลยทะเลาะกัน พอทะเลาะปุ๊บ เขาไปไหนมาสักที่ ระหว่างที่รอ เรารู้สึกว่ามันจะต้องเกิดเหตุการณ์ที่ต้องเคลียร์กันตอนทะเลาะเขาบอกว่าไม่อยากอยู่บ้านนี้แล้ว ทุบกีตาร์ด้วย แล้วก็อะไรหลายๆ อย่าง เขาสติแตก
ฐากูร : ผมจำไม่ค่อยได้ แต่มีอยู่ครั้งนึงที่บ้านนี้ที่ทะเลาะกันใหญ่ๆ เลย ด้วยทัศนคติที่เขาคิดว่าเงินสำคัญมากที่สุดในชีวิตแล้ว ผมมองว่าความสุขสำคัญกว่า เงินเอามาซื้อของได้ก็จริง แต่สุดท้ายถ้าร่างกายเรามันไม่ดี เราก็จะเป็นโรคภัยเงินจะเอามาใช้อะไร
แล้ววันนั้นมันจบยังไง ?
เป็กกี้ : จบด้วยการแยกกันสักพักแล้วกลับมาเคลียร์กัน ค่อยๆ คุยกันด้วยความซอฟต์ลง
ฐากูร : ก็จบลงด้วย ต่อไปนี้ผมมุ่งหน้าทำงานให้ดี ให้มากขึ้น
แล้วล่าสุดที่บอกว่าคุณเป็กกี้งอนหนักมาก แล้วเป็นปัญหาใหญ่ ?
เป็กกี้ : อันนี้เรียกว่าสงครามเย็น ต้องอธิบายอย่างนี้ ตั้งแต่ 10 ปีที่คบกันคุณฐาทำงานกับเป็กตลอด แล้วก็เขาตั้งใจทำหน้าที่ของเขาอย่างดี แล้วมีอยู่วันนึงหลังแต่งงานแล้ว บ้านเสร็จแล้ว เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันลงตัวแล้วมั้ง เขาก็เลยไปค้นพบงานอดิเรกอย่างนึง นั่นคือ
ฐากูร : ปั่นจักรยาน ที่เรารู้สึกว่าชอบ แล้วเราแบบมีความสุข จริงๆ ตอนแรกไปปั่นจักรยานด้วยกัน แต่ว่าด้วยแดดด้วยอะไร เขาเหมือนว่าไม่ชอบ
เป็กกี้ : เป็กเป็นอย่างนี้เวลาเขาไปทำกิจกรรมอะไร โอเคชีวิตคู่เรามีกันอยู่ 2 คน เราก็ไปทำด้วยกัน มันจะได้เป็นกิจกรรมคู่ ก็พยายามไปในทุกๆ กิจกรรมที่เขาอยากไป กิจกรรมจักรยานก็เคยไปกับเขามา ตอนนั้นไม่ชอบหรอก แต่ยินดีที่จะไป ทีนี้พอไปเขารู้สึกว่าการปั่นตรงนี้ไม่พอ อยากลงถนน เขาก็ชวนไปปั่นที่พัทยา เขาบอกว่าแดดไม่แรง ออก 8 โมงถึง 11 โมง แล้วเรารู้สึกว่าการปั่น 1.แดดด้วย เครียดกลัวหน้าพังด้วยผู้หญิงอะ แล้วอีกประเด็นเวลารองเท้าติดเวลาเราปั่นแล้วเราหมดแรง ขึ้นเนินมันไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มันไม่สามารถสลัดคีดให้หลุดได้ เราก็บอกว่าพี่ฐาช่วยด้วย 1-2 รอบแรกเขาก็ช่วยอยู่ แต่พอรอบที่ 3 ตอนเขามาช่วยเป็กเห็นสีหน้าเขามันมีความรู้สึกว่า เขาอยากสนุกของเขาแล้วเราเป็นภาระ ไม่รู้จริงไหมนะ แต่ว่าในสายตาเลยรู้สึกว่าไม่ใช่เวย์ของเรามาแล้วเป็นภาระ กลับมากรุงเทพฯ เป็กขายจักรยานทิ้งเลย
แต่คุณฐายังชอบอยู่ จนการปั่นจักรยานทำให้มีปัญหาชีวิตคู่ ?
เป็กกี้ : มีมาเรื่อยๆ มันค่อยๆ มา มีอยู่วันนึงตื่นมาตี3 จะฉี่แล้วห้องเป็กเป็นสีดำก็ไม่เห็นหรอกว่าอยู่หรือไม่อยู่ แต่ตื่นมาตี3 พี่ฐาไม่อยู่บ้าน เราตกใจ ไปไหนอะ คิดว่าไปไหนๆ แล้วข่มตาหลับตื่นมาอีกทีบ่ายโมง เปิดเฟซบุ๊กเขาดู เขาบอกว่าปั่นจักรยานเขาใหญ่ม้นสนุกและคุ้มค่ากับการมามากๆ เลยครับ
ฐากูร : ก็ไม่ได้บอกเขา ทำงานด้วยมันอาจจะลืม
เป็กกี้ : เป็กมั่นใจในตัวพี่ฐาอย่างนึง เขาไม่นอกลู่ นอกทางเรื่องผู้หญิง
ฐากูร : มันคือกีฬาที่ผมชอบจริงๆ แล้วผมเพิ่งไปชอบ เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่มีเวลาทำอะไรเลย 1.ทำงาน 2.ทำบ้าน แต่ทีนี้มันถึงช่วงที่ผมอยากจะทำอะไรที่ผมชอบจริงๆ แล้วที่วันนั้นให้รถกองมารับก็อยู่ด้วยกัน ผมก็บอกเขาว่า พรุ่งนี้มีงานด่วนเข้ามา เธอจะรับไหม แต่ว่ามันอาจจะต้องไปรถคันอื่น
เป็กกี้ : มันเป็นช่วงเวลาช็อก อยู่ดีๆ ก็บอกว่าเดี๋ยวมีรถกองมารับ
ฐากูร : วันนั้นนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยกัน วันรุ่งขึ้นเธอแต่งหน้า แล้วบอกเธอ
เป็กกี้ : อ่อ พรุ่งนี้จะมีรถกองมารับนะ แล้วเรารู้สึกว่าไม่ปรึกษากันก่อนเหรอ เธอไปรถกองได้ไหม หรือว่ารถเรามี เอาคนมาขับรถไหม ไปรถเราเอง เธอจะไปไหนไม่ได้พูด ก็พูดไปเลยว่าเธอไปรถกองนะ เดี๋ยวรถกองมารับ
วันนั้นน้อยใจหรือโมโห ?
เป็กกี้ : รู้สึกแย่ เศร้ามาก แล้วเลือกจักรยานไม่เลือกเรา เราไปทำงานนะ เราไม่ได้ไปเที่ยวนะ
แล้ววันที่เราเห็นเขาไปปั่นจักรยานที่เขาใหญ่เรารู้สึกยังไง ?
เป็กกี้ : รู้สึกแย่นะ แต่ไม่ชวนทะเลาะ พยายามทำความเข้าใจอยู่ แต่ว่าดวงจิตแตกคือวันที่มีรถกองมารับนี่แหละ
ความรู้สึกแบบนี้มันผ่านการเคลียร์มาหรือยัง ?
เป็กกี้ : ผ่านแล้ว กำลังหาวิธีตรงกลางระหว่างกันและกัน ใจเป็กไม่ได้อยากจะห้ามฐานะว่าฐาอย่าไป เห็นเขามีความสุขเราก็ยินดีนะ แต่ในใจของเราคือ บาลานซ์หน่อย อย่าทำให้เรารู้สึกแย่เหมือนทอดทิ้งกัน ตรงนี้ทำงานนะ เอาเงินมาใช้ด้วยกัน อย่าทำแบบให้เรารู้สึกว่า เลือกทางนั้น ทิ้งเราไปเลย แบบเธอไปทำอะไรเธอก็ไป มันรู้สึกอย่างนั้น
ฐากูร : จริงๆ มันเป็นแค่แมชต์เดียว เราวางแพลนไว้แล้ว แล้ววันนั้นผมถามเขา เขาจะรับไหมงานนี้ ก็ถามก่อน
ก่อนหน้านี้มีคุยกันไหม?
ฐากูร : ไม่ค่อยคุยกัน
เป็กกี้ : ใช้วิธีเงียบ
ฐาเองก็มีมุมน้อยใจเป็กกี้เหมือนกัน ?
ฐากูร : ผมคอยซัพพอร์ตเขามาตลอด คอยช่วยเขาดูทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น วันนึงมันถึงจุดที่ชีวิตเรามันมีความสุขมากแล้ว มากจนบางทีเราเลือกมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ ที่เราพอจะมี คือผมเป็นแบบนั้น
วันนี้เรากลับมาคุยกัน 100% หรือยัง หรือยังมีอะไรคาใจอยู่ ก่อนหน้านี้เป็นเดือนเลยที่ไม่คุยกัน?
เป็กกี้ : ไม่รู้จะเริ่มต้นที่อะไร 1.ตรงนี้มันไม่มีใครผิด ใครถูก เพราะเขาก็อยากไปทำในสิ่งที่เขารัก เป็กก็อยากทำงานแล้วเป็กแค่กังวลเรื่องงาน กลัวไม่มีงาน กลัวเขาไม่รับโทรศัพท์ ไม่รับงานให้เป็ก อาจจะเป็นปมของเป็กก็ได้ เพราะเป็กเองเคยไม่มีเงิน
ก็ยังเห็นใช้ชีวิตด้วยกัน แต่ไม่คุยกัน ตอนนั้นฐาอึดอัดไหม ?
ฐากูร : อึดอัดครับ เศร้า แต่ก็ต้องทำในสิ่งที่เราต้องทำอยู่แล้ว ก็ทำหน้าที่ในสิ่งที่ตัวเองต้องทำ เขาก็ทำหน้าที่ในส่วนของเขา แต่ว่าเราไม่คุยกัน
เป็กกี้ : คุยที่จำเป็น เขาเรียกว่า คุยนะ แต่มันไม่ปกติ
ตอนนี้อยากหาทางแก้ไขปัญหาไหม ?
เป็กกี้ : อยากให้มันดีกว่าเดิมแหละ สุดท้ายก็อยากให้เขามีความสุขในพื้นที่ของเขา มีความสุขในกิจกรรมที่เขาจะทำตัวเป็กเองก็ต้องหาในวันที่เขาไม่อยู่ ในวันที่ไม่มีเขาให้ตัวเองโอเค มันถึงจะโอเค
เคยมีปัญหาแล้วคิดจะเลิกกันไหม ?
เป็กกี้ : ของเป็กไม่มี แต่แค่รู้สึกเหนื่อย
ฐากูร : ไม่มีครับ ไม่เคยคิดจะเลิกอยู่แล้ว แค่แบบว่าคุยกันยังไม่ค่อยลงตัวในเรื่องที่เราคุยกันนี่แหละ
เป็กกี้ : คนดูอยู่คงตลก แต่อย่าลืมนะ ชีวิตคู่น้อยนิดมหาศาลนะ
เป็กกี้ : ในวันทำงานเราไปด้วยกัน แต่อย่าลืมนะในวันทำงาน นั่งรถไปด้วยกันเป็กหลับ ไปถึงสตูเป็กลงทำงาน เขาก็ทำบัญชีส่ง ทำหน้าที่ของเขา แล้วขึ้นรถกลับมาบ้าน อาบน้ำ นอน เป็นกิจวัตรแบบนี้ เพราะเป็กเองก็เหนื่อยแล้วออกจากสตู เป็นแบบนี้ในวันทำงาน พอวันหยุดปุ๊บสมัยก่อนก็จะมีกิจกรรมไปทำนู่นทำนี่ด้วยกัน แต่หลังจากที่เขามีกีฬาที่เขาชื่นชอบ พอวันหยุดปุ๊บ เขาก็จะหายไปเลย ทุกวันหยุด ทุกรอบ แต่เขาก็ถามนะก่อนไป ว่าเธอจะทำอะไรไหม เราก็บอกว่าไม่ได้ทำอะไร อยู่บ้านแหละ ก็เข้าใจเขานะ เขาทำงานมาทั้งวีกแล้ว วันหยุดเขาคงอยากไป แต่นี่คือความรู้สึกของเป็ก เราเคยทำกิจกรรมด้วยกันมาตลอด แล้วอยู่ดีๆ วันนึงในทุกๆ วันหยุดเขาหายไปเลย ของเป็กมันก็โหว่ ก็พยายามสู้กับตัวเองอยู่ตรงนี้
ฐากูร : ผมพยายามให้มันลงตัว ไปแค่ช่วงเช้า พอเที่ยงจบกลับมาคุณจะไปไหนไหม บางทีก็ถามก่อนว่าจะไปไหนไหมถ้าไม่ไปผมก็จะไปทำสิ่งที่ผมอยากทำนะ แต่ก็ถามก่อน
อะไรที่เป็นจุดยึดเหนี่ยวของคู่เราที่ยังจับมือและไปต่อ ?
ฐากูร : จริงๆ ก็ความรักที่เรามีให้กัน ถ้ามันยังมีให้กันอยู่ทุกสิ่ง ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ ถ้าเขาพูดว่าฐาเลิกปั่นจักรยานได้ไหม เขาพูดแค่นี้ ผมก็หยุดเลย
อยากบอกอะไรกันและกันไหม ?
ฐากูร : วันไหนที่เธอรู้สึกว่าสิ่งที่นี่ทำแล้วไม่โอเค เธอบอกเลย พูดตรงๆ ว่าไม่ไหว
เป็กกี้ : ใครจะไปพูดได้ พูดไม่ได้หรอก เพราะถ้าพูดได้ เป็กพูดไปแล้ว เราก็เห็นว่ามันเป็นความสุขของเขา เราจะพูดได้เหรอ เราต้องไม่พูด และประเด็นสำคัญคือเขาต้องเวทให้เป็น พี่ฐาเป็นโรคแบบรักอะไรแล้วไปสุด แต่ว่าตอนนี้โอเคแล้ว ใช้เวลาปรับกันมาก่อนจะมาออกคุยแซ่บ แล้วช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้รายการคู่มาเยอะมาก แล้วมูทจากที่เราดีกลายเป็นไม่ดีเลย เราเคยไปไหนมาไหนด้วยกัน ช่วงนี้เราไม่เหลือความสวีทให้กันเลย เขาสวีทให้จักรยานตลอด ก่อนจะถึงตอนนี้พยายามบาลานซ์กันแล้ว โอเคดีขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ความรู้สึกแบบดิ่งๆ แต่ก็พยายามจะสู้ พยายามจะเข้าใจกับมันว่านี่คือสิ่งที่เขารัก ก็ดีนะอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ไปกับผู้หญิงคนอื่น เขาไปเล่นกีฬาของเขา
ฐากูร : รู้สึกไม่ดีเลย ที่เขาเสียใจ แต่ว่าพยายามจะปรับให้มันโอเค
แน่ใจนะว่าปั่นแค่จักรยานไม่มีผู้หญิง?
ฐากูร : แน่ใจครับ
คลิปสัมภาษณ์ เป็กกี้ - ฐากูร
https://youtu.be/BLy1QJ0FmyM