“ไอซ์ ปรีชญา” ตอบที่นี่ที่แรก! “รักหรือเลิก” แฟนหนุ่มลูกครึ่ง เผยมรสุมที่เจอจนคิดไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว
หลายกำลังใจถาโถมส่งไปให้รัวกับการลุกขึ้นสู้อีกครั้ง หลังจากที่นางเอกสาว “ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร” ต้องเผชิญเรื่องราวมากมายจนกลายเป็น “คุณหนูตกสวรรค์” จนทำให้บางช่วงบางตอนในความคิดของเธอไม่อยากจะอยู่บนโลกนี้แล้ว โดยเจ้าตัวได้มาเปิดใจผ่านรายการ คุยแซ่บโชว์ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ทุกคนส่งมาทำให้เจ้าตัวมาแรงที่จะลุกขึ้นมาสู้ต่อ แม้วิกฤตที่เจออาจจะยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ก็ตาม รวมไปถึงคำถามที่หลายคนสงสัยว่าสถานะความรักกับแฟนหนุ่มลูกครึ่งนั้น ยังรักกันดีอยู่ไหม ? เพราะหลังจากเกิดกรณีห่างสุดเจ้าตัวก็ยังไม่ได้เคลียร์ชัดๆ
ขอย้อนกลับไปตอนนั้น หลายคนมองว่าเราคิดสั้น ?
“ย้อนกลับไปตอนนั้น ถามว่าเรามีความคิดที่เราจะคิดสั้นไหม ตอนนั้นเคยมีคิดบ้าง แต่ว่ามันไม่ถึงขั้นนั้น คือมีความคิดแค่ไม่อยากอยู่แล้ว เราเหนื่อย เราไม่อยากทำอะไร แต่ว่าคุณพยายามไปหาว่าเรากินยาอะไรเข้า สุดท้ายเราไม่ได้กินอะไร แต่ยืนยันว่าที่เกิดขึ้นล่าสุดไอซ์ไม่ได้คิดสั้น มันวูบไปเอง”
และในส่วนของเรื่องงานที่โดนแคนเซิล ?
“ก็คือโดนแคนเซิลหมดเลย ทำให้จำนวนรายได้ที่เราจะได้ก็หายไปหลักล้าน อย่างโอนเงินมามัดจำครึ่งนึง เราก็ต้องโอนคืนกลับไป ไอซ์ก็ต้องเอากระเป๋าแบรนด์เนมไปขายก่อนเลย เพราะต้องเอามาใช้จ่ายในแต่ละเดือน รายจ่ายประมาณเดือน 1.6 แสนบาท ซึ่งในเวลานั้นถามว่ามันยากไหม มันก็ไม่ยาก ถ้าหนูตั้งใจที่จะหามัน”
อาการล่าสุดของคุณแม่เป็นยังไงบ้าง ?
“อาการของคุณแม่เป็นมะเร็งตับขั้นที่สอง ตอนที่เขาเป็น เขาก็ไม่บอกหนู ทั้งคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่บอก สงสารหนูเพราะเห็นว่าเราเหนื่อย เราสังเกตว่าทำไมเขาป่วยบ่อย ทานอาหารไม่ได้ เริ่มผอมลง จนไปคุยกับพี่สาว พี่สาวถึงยอมบอกว่าคุณแม่กำลังป่วย พอได้ยินก็วูบ ช็อกเลย ซึ่งรู้จากหลังที่เป็นข่าว จากที่รู้อาการคุณพ่อ และมาเป็นข่าว และก็มารู้ว่าแม่ป่วย คุณแม่ก็เลยไปใช้สิทธิ์ 30 บาทเพราะห่วงเราต้องไปจ่ายเงินเยอะเกินไป หนูไม่ได้บอกว่าสิทธิ์ 30 บาทไม่ดี แต่ด้วยความที่เราเป็นลูก เราก็ต้องการดูแลเขาได้รับการรักษาที่ดี กลัวคุณแม่ลำบาก กลายเป็นเครียด ล่าสุดคุณแม่ก็ไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลเฉพาะทาง เริ่มทำคีโมรอบแรก”
เราเอากำลังใจมาจากไหน ?
“ไอซ์ฮึดด้วยตัวเอง คุณพ่อคุณแม่อายุมากแล้ว ถ้าใครคนนึงเป็นอะไรไป หนูรับไม่ได้ ต้องมีใครสักคนในบ้านที่ต้องเข้มแข็ง เพราะสิ่งที่เราเจอมา ไอซ์รู้สึกว่าทุกเรื่องที่ไม่ดี มักจะมีเรื่องดีอยู่เสมอ คือไม่ว่าปัญหาใดก็ตามมันมีทางแก้ไขมีทางออก มีคนอื่นพร้อมจะหยิบยื่นความเมตตามาให้ครอบครัวหนูเยอะมาก ได้เห็นกำลังใจ ทั้งพี่ๆ นักข่าว แฟนคลับเพื่อนๆ ในวันที่เราแย่ๆ ยังมีคนดีๆ มากมายที่เขาพร้อมให้กำลังใจเราตลอด”
และในส่วนของสถานะหัวใจเป็นยังไงบ้าง ?
“ตอนนี้ก็ดีค่ะ ไอซ์โฟกัสเรื่องการงาน ตัวเขาเองก็โฟกัสเรื่องการทำงานเหมือนกัน ต่างต่างมีปัญหาในเวลาเดียวกันส่วนเขาคุณแม่เพิ่งเสีย คอนโดไฟไหม้ ส่วนหนูคุณพ่อป่วย คุณแม่ป่วย งานแคนเซิล เหมือนกับว่ามีมรสุมเหมือนกันเหมือนกับว่าต่างคนต่างดูแลตัวเอง ฮีลตัวเองด้วยตัวเองกันไปก่อน ห่างกันเพื่อจะกลับมาค่อยคิดถึงเรื่องความรัก ห่างกันแต่ไม่ได้เลิกกัน คุยกัน ยังติดต่อกันเหมือนเดิม ไม่ใครขอห่าง แต่ด้วยสถานการณ์ มันทำให้ห่างกันเอง”
แล้วพอมันห่างกันมันรู้สึกยังไง ?
“คือเขาก็ให้กำลังใจหนู หนูก็ให้กำลังใจเขาเหมือนกัน ต่างคนต่างสู้ๆ นะห่างๆ อย่างห่วง ก็เพิ่งห่างกันไม่นานมากเพราะอย่างเรื่องคุณแม่เขาเพิ่งเสีย เราก็ไปร่วมงานศพที่อุบล เราอยู่เคียงข้างเขา ก็ให้กำลังใจเขา เราเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่ทำใจยาก เราพยายามให้เขาคิดถึงสิ่งดีๆ ที่อยู่รอบตัวเขา”
ตกลงว่ายังรักกันอยู่หรือเปล่า?
“ยังรักกันเหมือนเดิม”
ขอย้อนกลับไปชีวิตวัยเด็ก จากลูกคุณ ตอนนี้กลายเป็นคุณหนูตกสวรรค์ ?
“ตอนเด็กๆ คือโดนสปอยล์มากๆ อยากได้อะไรต้องได้ อยากได้เสื้อแค่มอง เราก็ได้แล้ว ตอนนั้นคุณพ่อทำอาชีพนำเข้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่เป็นรุ่นกระดูกหมาใหญ่ๆ ราคาเป็นแสนในสมัยนั้น คุณแม่ก็เป็นเลขาฯ คุณพ่อ ชีวิตพลิกเพราะปี 40 ต้มยำกุ้ง คุณพ่อโดนฟ้องเป็นบุคคลล้มละลาย ติดลบไปเลย เลยย้ายไปอยู่เพชรบูรณ์เพราะคุณพ่อย้ายไปทำรีสอร์ทที่โน้น ย้ายจากโรงเรียนนานาชาติไปเรียนโรงเรียนทั่วไป เพื่อนๆ ก็เล่นตัวด้วงมาชนกัน เราพูดไทยไม่ได้ เพื่อนถามว่าเอ็งชื่ออะไร เราร้องไห้ เรากลับไปฟ้องแม่ว่าเขาว่าหนู แม่เลยบอกว่าเป็นสรรพนาม เขาไม่ได้ด่าเรา และซ้ำชั้น 1 ปีเพราะเราผสมคำไม่ได้ ตอนนั้นก็เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบเพราะเราอั้นฉี่ ไม่ยอมเข้าห้องน้ำที่โรงเรียน ต้องไปเข้าห้องน้ำที่บ้านเท่านั้น แต่เราก็ปรับตัวได้ตั้งแต่แรกๆ เพราะเราเองก็อยากมีเพื่อน จนหลังจากนั้นก็ย้ายกลับมาเรียนที่กรุงเทพฯ”