เดวิด คาเมรอนอดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ เรียกร้องความร่วมมือสร้างความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว
เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศและทั่วโลก นอกจากนี้ยังเคยช่วยให้อังกฤษผ่านพ้นวิกฤษเศรษฐกิจมาแล้วเมื่อปี 2555
ภายในงานนายเดวิด คาเมรอนอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้กล่าวในหัวข้อ "การเปลี่ยนแปลงของรัฐ คือจุดเริ่มต้นหรือจุดจบของโลกกาภิวัฒน์ ว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีความสำคัญอย่างยิ่งและเป็นรายได้หลักของประเทศ รัฐมีความจำเป็นต้องเร่งผลักดัน โดยยกกรณีศึกษา เมื่อปี 2555 ที่อังกฤษอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้าย แต่สามารถกอบกู้สถานการณ์กลับมาได้ด้วยรายได้หลักจากการท่องเที่ยว
ในปัจจุบันทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับลัทธิชาตินิยม ซึ่งมองว่าจะเป็นตัวทำลายโลกาภิวัฒน์และทำลายการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย เช่นนโยบายสุดโต่งของโดนันท์ ทรัมป์จากสหรัฐ และการแยกตัวออกจากอียูหรือเบร็กซิตของนายกรัฐมนตรีเทเรซ่า เมย์แห่งอังกฤษ ซึ่งนโยบายแนวทางดังกล่าวนี้จะเป็นการปิดกั้นและเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกทำให้รัฐต้องเสียรายได้มหาศาลจากการท่องเที่ยว ซึ่งปัญหาด้านความมั่นคงได้แก่ ข้อจำกัดด้านวีซ่า ความมั่นคงปลอดภัยจากกลุ่มก่อการร้าย ความเชื่อมั่นของนักเดินทาง คำสั่งเตือนภัยพลเมือง การรับมือกับสถานการณ์ก่อการร้าย เป็นต้น นอกจากนี้ปัญหาด้านทัศนคติในการกีดกันเชื้อชาติและศาสนาเช่นการยกเลิกวีซ่าประเทศมุสลิม 6 ประเทศของโดนันท์ ทรัมป์ ยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยคาเมรอนมองว่า ไม่ควรเหมารวมทั้งหมดว่าศาสนาอิสลามหรือประเทศชาวมุสลิมจะต้องเกี่ยวโยงกับการก่อการร้ายทั้งหมดและควรใช้เทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบวีซ่าหรือการตรวจคนเข้าเมืองแทนการสร้างกำแพงที่ชายแดนเม็กซิโกซึ่งจะมีความเป็นไปได้มากกว่า โดยอดีตนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนยังเรียกร้องให้ทั่วโลกร่วมมือกันต่อต้านการก่อการร้ายเพื่อเป็นการสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว
นอกจากนี้เดวิด คาเมรอน กล่าวว่า การท่องเที่ยวถือเป็นซอฟท์พาวเวอร์(soft power) ที่จะเป็นตัวกลางประสานความขัดแย้งและความเห็นต่างของคนทั่วโลกได้เป็นอย่างดี โดยผ่านการเดินทางการท่องเที่ยวการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่แตกต่างให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติและยังเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป