อาการ "เหม็นผัว" ทำ "เจนี่" ระอา "มิกกี้" ยอมรับชีวิตรักไม่หวานดังเดิม เผยมรสุมชีวิตข่าวดังจนหวิดคิดสั้น
"เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" นางเอกหน้าเด็กหุ่นเป๊ะตลอดกาล เปิดปากที่แรกเล่าย้อนเล่ามรสุมชีวิตที่เป็นข่าวดังชั่วข้ามคืนจนเกิดความคิดชั่ววูบหวิดคิดสั้น พร้อมเล่าจุดเปลี่ยนที่ทำให้กลับมาลุกขึ้นยืนและรักตัวเองได้อีกครั้ง ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บShow
หลังๆ เจนี่เป็นคนที่ชอบเกี่ยวกับธรรมะ ไหว้พระ ปฎิบัติธรรม
เจนี่ : ชอบมาก
จุดเริ่มต้นมาจากไหน ?
เจนี่ : จริงๆ ก็นานมาแล้ว 8-9 ปี เป็นช่วงที่เจนรู้สึกว่าจะทำยังไงดีกับชีวิตที่มันดาวน์ มันเฟล เหมือนหาอะไรที่มายึดเหนี่ยวความรู้สึกไม่ได้เลย ความรู้สึกนี้ใครก็ช่วยไม่ได้เลย นอกจากตัวเราเอง
แสดงว่านั่นคือจุดที่พลิกผันที่สุดในชีวิตของเจนี่เลย ?
เจนี่ : เจนก็ไม่คิดว่าเจนจะล้มหรือจะรู้สึกแบบนี้ หรือจะมาเจอวันแบบนี้ เป็นวันที่เรามึนเลย เราจะไปขวาหรือจะไปซ้าย เจนไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย เราไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตจริงๆ แล้วเจนไม่เคยแสดงออกเวลามีข่าวเจนไม่เคยออกมาแถลง เจนไม่พูด เจนไม่ร้องไห้ เพราะกำลังมึนอยู่ เหมือนเวลาคนเสียใจมากๆ น้ำตาซักหยดก็ไม่มี เพราะมันเหมือนกับช็อก
จุดพลิกผันที่พีคที่สุดในชีวิตเจนี่ คนทั้งประเทศเฝ้าติดตามข่าวนี้ ?
เจนี่ : 7 วัน 7 คืนเลย จำได้
เจนไม่คุยกับใครเลย ไม่ปรับทุกข์กับเพื่อน ไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น อยู่คนเดียวเงียบๆ ทั้งที่เพื่อนรายล้อมเต็มไปหมด ?
เจนี่ : เพื่อนบุกบ้านมาเพราะกลัวจะฆ่าตัวตาย
ถ้าเปรียบเทียบเป็นมิวสิกวิดีโอก็คงปิดไฟมืดๆ ไปนั่งอยู่ตามมุมหลืบๆ ข้างหน้าต่าง ?
เจนี่ : ใช่เลย ๆ
ร้องไห้ ผอมแห้งแรงน้อยกว่านี้ ?
เจนี่ : ติดกระดูกเลย หนังติดกระดูกเลย อยู่ในบ้านนั่งสงบสติอารมณ์ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงไม่กินอะไรเลย เหมือนคนที่มึนตลอดเวลา ไม่รู้จะทำอะไรต่อในวันพรุ่งนี้
เป็นอยู่นานไหมที่อยู่ในมุมของเจนคนเดียว ในบ้านมุมมืดๆ ?
เจนี่ : เป็นเดือน จนเพื่อนเป็นห่วงเจนี่มาก จำได้ว่านานากับอลิชามาเคาะประตู เข้ามาไม่ปลอบไม่อะไรเลย แค่มานั่งเป็นเพื่อนจนถึงเที่ยงคืนทุกวัน ไม่พูดกับใครเก็บตัวคนเดียว จนแม่ แม่คนเดียวแค่ทัช บ้านเจนี่กับบ้านหม่ามี๊จะอยู่ติดกัน เหมือนพี่เลี้ยงทำข้าวมาให้กินพอพี่เลี้ยงเก็บข้าวออกไป เหมือนแม่คงเห็นว่าเจนไม่กินข้าว แม่เลยเอาข้าวมาให้แต่เราก็ยังทำฟอร์มว่าแข็งแรง หม่ามี๊เดินเอาข้าวมาวางให้ที่โต๊ะ กำลังจะหยิบกินแบบไม่สบตาหม่ามี๊แล้วก็ทำเป็นเหมือนจะกินข้าวแต่ไม่กินนะ แล้วแม่ก็มาลูบหลัง ซึ่งแม่เป็นคนที่แข็งแรงมากไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ลูกเห็นเหมือนกัน หม่ามี๊ก็ลูบหลังแล้วก็บอกว่า “อ่อนแอบ้างก็ได้นะลูก” เจนก็ยังไม่มองหน้าอีก แล้วก็พูดว่า “รู้ไหมว่าหนูอ่ะทุกข์มากเท่าไหร่ หม่ามี๊ทุกข์มากกว่าเจนี่อีก 10 เท่า” เจนน้ำตาหล่นใส่ข้าวแล้วไม่มองหน้าแม่ด้วย ไม่สะอึกด้วยนะเหมือนจะพยายามกลั้นให้ได้มากที่สุด แต่มันทนไม่ไหว ตอบกลับไป “ค่ะ” คำเดียว หลังจากนั้นเป็นต้นมาเจนรู้เลยว่าวันนี้เจนจะอยู่เพื่อหม่ามี๊
แสดงว่าก่อนหน้านี้คิดว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ ?
เจนี่ : เออใช่ เจนเคยคิดว่า เราไม่รู้จะอยู่ไปทำไม มันเหมือนใครๆ ก็ไม่รัก เคยรู้สึกว่าถ้าเราไปโลกมันก็คงจะดีขึ้นมั้ง สวยขึ้นมั้ง
แต่ไม่เคยทำอะไรเพื่ออยากจะให้ตัวเองไป ?
เจนี่ : มันเป็นแค่ความคิดชั่ววูบมากๆ มันมีทั้งขาวกับดำวิ่งเข้ามา มันอยู่ที่ว่าเราหนึ่งวินาทีตอนนั้นเราจะขวาหรือจะซ้ายดี
ความโชคดีคือมีสติ ?
เจนี่ : ใช่ ฟ้ายังมีตา เทวดายังคุ้มครองจริงๆ
ถามจริง เรื่องนี้มันยังเป็นปมในใจเราไหม ?
เจนี่ : ไม่ มันเป็นบทเรียนมากกว่า มันทำให้เจนี่เป็นเจนี่อย่างทุกวันนี้ เราอย่าไปโทษอดีต ทุกอย่างเป็นบทเรียน ทำให้เจนเดินอย่างช้าๆ ค่อยๆ เดิน แล้วรู้ว่าวันนี้เจนต้องไปทางไหน ถ้าเจนไม่มีวันนั้นเจนอาจจะสอนโนล่าอย่างวันนี้ไม่ได้นะ ทุกอย่างในชีวิตเจนไม่เคยรู้สึกเสียใจเลย เราขอบคุณสิ่งที่ต้องเจอเป็นบทเรียนที่ทำให้เราเป็นเราจนถึงทุกวันนี้
จุดไหนถึงจากแม่แล้วเป็นมาธรรมะ ?
เจนี่ : เราคิดว่าเราลองนั่งนิ่งๆ ซิ ว่าเราจะทำอะไรต่อได้ แล้วก็ลองสวดมนต์ดูเริ่มจากบทเล็กๆ แล้วก็ลองนั่งสมาธิ ในเมื่อตอนนั้นไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ก็ลองซักนิดดูก่อน จาก 1 นาที เป็น 2 นาที จากบทเล็กเป็นบทใหญ่ ต้องบอกว่าสิ่งมหัศจรรย์มันเกิดขึ้นจริงๆ
ได้อะไรจากแค่การสวดมนต์ ?
เจนี่ : สติ อย่างน้อยเจนก็รู้แล้วว่าอย่างน้อยเจนต้องแข็งแรง หัวใจเราต้องแข็งแรงที่สุดเท่าที่จะแข็งแรงได้ เพราะถ้าเจนยังจับจุดและยังหาความแข็งแรงไม่ได้ใครก็พยุงเราไม่ได้ เจนอยากให้รู้ว่าชีวิตมันมีหวังมันมีทางสว่างทุกเส้นทาง มันอยู่ที่ว่าเราจะมองยังไง อยู่ที่ว่าเรารักตัวเราเองมากแค่ไหน รักแม่มากแค่ไหน เรารู้เลยว่าอย่าทำร้ายหัวใจตัวเอง ครั้งแรกที่ลุกขึ้นมาได้เจนพูดกับหัวใจตัวเองว่า เจนขอโทษ ขอโทษที่ผ่านมาทำให้หัวใจตัวเองเจ็บ ต่อไปนี้เจนจะไม่ทำให้หัวใจตัวเองเจ็บอีกแล้ว ไม่มีผู้ชายคนไหนที่รักเรามากกว่าตัวเราเอง เจนแค่อยากจะบอกผู้หญิงทุกคนว่าการที่เรารักตัวเราเอง รักหัวใจตัวเองมากที่สุด แล้วเราจะสวยค่ะ
เจนี่กับมิกกี้เจอกันได้ยังไง ?
เจนี่ : ก็เจอตามงาน ด้วยความที่ออกกำลังกายเหมือนกันไลฟ์สไตล์เหมือนกันเลยรู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วเราสบายใจ
ความหวานเริ่มลดน้อยลงจริงหรือเปล่า ?
เจนี่ : เจนลดตลอดเลย เพราะโนล่านอนกลางด้วย เราสองคนต้องโฟกัสโนล่า ตอนนี้โนล่าเป็นเซ็นเตอร์มากๆ เราสองคนต้องแลเขาให้ดีที่สุดจริงๆ
มิกกี้น้อยใจไหม ?
เจนี่ : ก็คงมีน้อยใจบ้าง แต่ก็ไม่มีสิทธิ์น้อยใจ(ยิ้ม)
เป็นเพราะฮอร์โมนด้วย ?
เจนี่ : เคยได้ยินคำว่า “เหม็นผัว” ป่ะ มันก็มีบ้าง ทำอะไรก็ขัดหูขัดตา ยิ่งเวลาที่เจนทำงานกลับมาเหนื่อยๆ แล้วต้องดีลกับโนล่าอีก เจนต้องทำงานด้วย ลูกก็ดูแล งานก็ต้องทำ เงินก็ต้องหา ชีวิตมันก็ไม่ได้หวานเหมือนกับตอนที่มีโนล่า ต้องจับมือกันตลอดเวลา
อยากจะบอกอะไรกับลูก ?
เจนี่ : ทำเพื่อลูกค่ะ วันนี้แม่ทำทุกอย่างเพื่อลูกเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การกิน การตั้งใจดูแลตัวเอง ทุกอย่างมีเหตุและผลหมด เจนไม่ได้ทำเพื่อความฉาบฉวย เจนไม่ได้ทำเพื่อความอยากผอมอยากสวย ทุกสิ่งทุกอย่างมองหน้าลูกก่อนเลยเวลาจะทำอะไร เจนทำเพื่อเขาเลย

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพยายามมาจะบอกว่า เจนี่เป็น Global Brand Ambassador ให้กับ Victoria’s Secret คนแรกของเมืองไทย ได้มาได้ยังไง ?
เจนี่ : เรื่องนี้เกิดตั้งแต่ปีที่แล้วแต่ต้องปิดเป็นความลับมาตลอด เจนก็เริ่มดูแลตัวเองแบบเอาจริงเอาจริง วันที่เขาบอกเจน เจนกรี๊ดและร้องไห้ จำได้ว่าวันนั้นถ่าย Victoria’s Secret ที่เมืองนอก เจนนอนร้องไห้อยู่บนเตียงคนเดียว ร้องไห้เหมือนเด็กที่ร้องเพราะเหนื่อยมากกว่าจะมีวันนี้ สองคือฝันหรือเปล่า วันนั้นได้รับข่าวดีๆหลายๆ อย่าง ทุกอย่างถาโถมมาหลายอารมณ์ภายในวันเดียว คืนเดียว แล้วเก็บไว้อยู่คนเดียว บอกใครไม่ได้เลย ตอนนั้นเขาเลือกให้เจนเป็นแค่เอเชีย แต่เจ้านายที่อเมริกาบินมา เขาก็ถามเลยว่ายูสนใจจะเป็นโกลบอลไหม คือหน้าเราก็จะไปอยู่บนร้านทั้งใน America , UK และทั่วโลกเลย เจนเหมือนมดตัวเล็กๆ ที่พองเลย
คลิปสัมภาษณ์ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ
https://youtu.be/37fnt32rwQY