8 พรรคเคาะชื่อ "พิธา" โหวตนายกฯรอบ 2 หากคะแนนไม่พอ พร้อมถอยให้ พท.
เมื่อเวลา 18.30 วันที่ 17 ก.ค. 66 ที่อาคารไทยซัมมิท นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงผลสรุปการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ว่า มีข้อสรุปอยู่ 3 ข้อ คือ วันที่ 19 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ทั้ง 8 พรรค ก็มีมติส่งตน เป็นแคนดินเดตนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย และหลังจากนั้นได้มีโอกาสหารือกันเกี่ยวกับการยื่นแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 ของพรรคก้าวไกล ว่าเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลได้เสนอโดยพรรคก้าวไกลเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอีก 7 พรรคที่เหลือ ส่วนเรื่องสุดท้ายก็อาจจะเป็นเรื่องของข้อบังคับที่ 41 ของรัฐสภา ที่มีข่าวออกมาว่า ส.ว. จะตีแบบนี้ และมีความเห็นในทางกฎหมายว่าไม่น่าจะเข้า เป็นเรื่องเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบังคับแต่อย่างใด ก็ไม่ถือว่าเป็นญัตติเป็นการเสนอผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ซึ่งอาจจะมองเห็นต่างกับทาง ส.ว.ในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเสียงวันที่ 19 ก.ค.ไม่พอ นายพิธา กล่าวว่า ตามที่เคยแถลงไปว่าสำหรับสมรภูมิแรก หากคะแนนไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราก็พร้อมที่จะถอยให้ประเทศชาติ และพรรคอันดับ 2 ที่อยู่ในเอ็มโอยูเดิมของ 8 พรรคร่วมก็คือพรรคเพื่อไทย (พท.) ต่อข้อถามว่า หากในวันที่ 19 ก.ค. ถ้าเกิดมีการตีความในรัฐสภาว่าเข้าข้อบังคับที่ 41 ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาซ้ำได้ ทาง 8 พรรคจะดำเนินการอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า วันที่ 18 ก.ค.นี้ จะมีการประชุมวิป ถ้ามีโอกาสได้ประชุมวิปก็อาจจะเห็นตรงกันว่าญัตติก็คือญัตติ ซึ่งเป็นเรื่องของข้อบังคับ แต่การเสนอนายกฯ เป็นคนละโหมดกันและเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญไม่สามารถตีความแบบนี้ได้ เมื่ออีกว่า มีแผนสำรองรองรับอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ต้องรอฟังทางวิป เหตุและผลของฝั่งตรงกันข้ามเป็นอย่างไร
เมื่อถามถึงการถอยเรื่องมาตรา 112 นายพิธา กล่าวว่า มาตรา 112 เป็นเรื่องที่เซนซิทีฟและสำคัญ ถ้าเรื่องนี้พอหายไป เรื่องอื่นก็จะมาอีก ที่สำคัญที่สุดตนต้องการรักษาคำพูด ก่อนหาเสียงพูดไว้อย่างไร หลังหาเสียงก็ไม่ใช่ว่าต้องการที่จะเข้าสู่อำนาจในทุกวิถีทาง