“ครูปรีชา” ขอบคุณ"ทนายตั้ม"เป็นห่วงเป็นใย บอกขอให้ห่วงตัวเองก่อน ไม่ใช่โพสต์เฟซบุ๊กทุกวันมอมเมาประชาชน ควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน เผยสบายใจครอบครัวให้กำลังใจ ควบคุมสติ ใช้หลักเดินสายกลาง ย้ำไม่ว่า ตร.แถลงใครเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ 30 ล้านก็ต้องเข้าสู่กระบวนการศาล
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษ รร.เทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี ให้สัมภาษณ์ที่บ้านพักถึงกรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ทนายความของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ได้ออกมาบอกว่า ไม่ได้โทรศัพท์มาข่มขู่อย่างที่ครูปรีชาให้ข่าว แต่เป็นการเตือนด้วยความหวังดีว่า วันนี้ขอใช้คำว่าผม ใช้คำว่าครูมานานแล้ว เพราะว่าอยากใช้เป็นตัวแทนตัวเองบ้าง กรณีที่นายษิทราออกมาโพสต์ว่าเตือนครูนั้นก็ต้องขอขอบคุณที่เตือนด้วยความหวังดี แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาของการเตือน แต่เป็นเวลารอผลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่กี่วันตำรวจก็จะแถลงให้ทราบอยู่แล้ว ดังนั้นต้องขอขอบคุณทนายตั้มด้วยที่เตือนด้วยความหวังดี ในเชิงนิตินัยเป็นการข่มขู่ ซึ่งผมเองไม่เคยไปเตือนใคร เพราะทุกคนก็รู้หน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว ความจริงคือความจริง ตอนนี้ฝากบอกทาง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ว่า ซื้อลอตเตอรี่ที่ไหน ซื้อจากใคร แล้วทนายตั้ม ถึงมาหาผมได้
ส่วนจะมีการฝากเบอร์โทรศัพท์ของทนายตั้มไว้หรือเปล่านั้น ครูปรีชา กล่าวว่า ผมขอไม่ตอบเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ขอบคุณทนายตั้มที่เป็นห่วงเป็นใย แต่ห่วงตัวเองก่อนก็แล้วกัน และที่บอกว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่วันนั้น ใช่ คือ การโพสต์เฟซบุ๊กของเขา เขาโพสต์ทุกวัน เขาเป็นนักกฎหมาย หลักฐานเขาต้องเอาไว้ในกระบวนการศาล ซึ่งหลังตำรวจแถลงแล้ว ก็จะต้องเข้ากระบวนการศาลอยู่แล้ว ก็รออีกนิดไม่ใช่มามอมเมาประชาชนแบบนี้ ตอนนี้ก็ใกล้แถลงแล้วตนก็สบายใจ ที่ความจริงในเบื้องต้นจะได้ปรากฏในเร็วๆนี้ ความจริงก็คือความจริงเราหลีกหนีความจริงกันไม่พ้น
"หากผลแถลงของตำรวจออกมาเป็นของ ร.ต.ท.จรูญในเบื้องต้นของการพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราก็ต้องเข้ากระบวนการศาล เพราะตอนนี้ในเรื่องกระบวนการศาลผมได้ฟ้องแพ่งเขาอยู่แล้ว คือ ที่ตำรวจเขามองกว้างๆ ตำรวจเขาพูดในเชิงของนักกฎหมายของเขาก็พูดถูกต้องว่าตอนนี้ท่านใดรู้ว่าผิดก็ไปรับสภาพ แต่การที่จะรู้ว่าใครผิดใครถูกต้องผ่านกระบวนการศาลด้วย ผมถือว่าการที่ทนายตั้มออกมาเตือนเป็นการข่มขู่ ไม่สังเกตหรือผมไม่เคยพูดอะไรและไม่เคยไปบอกเขาว่า เขาต้องยอมรับ คนโน้นต้องยอมรับ คนนี้ต้องยอม ทำไมต้องบอกกัน ผมไม่เคยไปบอกเขาเลย ไม่เคยพูด เราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน การเป็นคดี คือการขัดแย้งของคน 2 คน"ครูปรีชา กล่าว
ครูปรีชา กล่าวอีกว่า ในส่วนของการให้สัมภาษณ์จากนี้ไป ถ้าเป็นที่โรงเรียนผมขอให้สัมภาษณ์บริเวณด้านหน้าโรงเรียน เนื่องจากโรงเรียนเป็นสถานที่ที่เด็กต้องเรียนหนังสือจึงไม่เหมาะสม ที่ผ่านมาด้วยการที่ผมเป็นคนเกรงใจ และมองนักข่าวอย่างเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนกัน ทุกคนต้องทำงานถ้าเขามาไกลๆ น้องๆที่มาจากกรุงเทพฯมาแล้วไม่ได้อะไร ผมก็เกรงใจ เพราะเขามาเป็นกลางให้กับผม ดังนั้นเวลามาผมก็มองว่าทุกคนก็ทำหน้าที่มีบทบาทของตัวเอง ผมก็มีประเด็นข่าว นักข่าวก็อยากจะได้ข่าว มีบางท่านไปสัมภาษณ์นักเรียน เขาก็จะโดนเพื่อนล้อ ทำให้นักเรียนและครูที่สอนต่างก็อึดอัด ดังนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว ผมคิดว่าถ้านักข่าวมาที่บ้านก็ยินดี เป็นพี่เป็นน้องกัน
"ตอนนี้ครอบครัวก็ให้กำลังใจ ผมควบคุมสติ โดยใช้หลัก องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์บอกว่ามนุษย์ให้เดินสายกลาง มัชฌิมาปฏิปทาคือ ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป แล้วมีสติ เมื่อมีสติจะเกิดปัญญา สติของเรา เราต้องควบคุมตัวเอง กายกับจิตต้องแยกออกจากกัน กาย มีเรื่องของคดีความ และ จิต เป็นจิตที่เป็นครู และผมก็ต้องเป็นพ่อพิมพ์ของชาติ ดังนั้นจิตที่ดีงาม กับกายที่ดีงาม ก็จะมารวมกันก็จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้"ครูปรีชา กล่าว
ครูปรีชา กล่าวด้วยว่า กรณีที่มีการโยกย้าย ตำรวจ 3 นาย เกิดจากเพราะผมทำลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 หล่นหาย ทำให้ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี และตำรวจอีก 2 นาย ต้องถูกย้าย ก็ต้องกราบขอโทษที่ทำให้ท่านต้องเดือดร้อน ผมเชื่อว่าตำรวจทำตรงไปตรงมา แต่ตำรวจก็มีเหตุผลการย้ายคดีไปถึงตำรวจกองปราบตำรวจต้องมีเหตุผล ทางฝั่งโน้นก็ต้องมีเหตุผล ท่านก็ใช้กระบวนการยุติธรรมผมเองก็ให้ความร่วมมือตลอด ไปไหนก็ไปกัน สังคมตอนนี้ดูจากสื่อ ดังนั้นประชาชนชาวไทยไม่ผิด แต่ความจริงเท่านั้นที่ปรากฏ ในส่วนของผมเอง ผมเชื่อว่าตำรวจต้องพิสูจน์หลักฐานให้ครบ ตอนนี้เห็นเจ้าหน้าที่บอกยังไม่ครบ ถ้าครบแล้ว 100% ท่านก็จะแถลง แถลงคือน้ำหนักไปอยู่ที่ใด ใครน่าจะเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ในเบื้องต้น ดังนั้นจะเป็นฝ่ายใด ก็ต้องเข้ากระบวนการศาล ให้ศาลพิสูจน์จากหลักฐานบางอย่างอีกครั้งหนึ่ง ถ้า ตร.แถลงมาแล้วผมก็ให้ความร่วมมือ
ครูปรีชา กล่าวว่า ในส่วนของป้าบ้าบิ่น ถ้ามีลอตเตอรี่เหลือก็จะติดต่อมาบอกให้ช่วยซื้อ ตอนนี้ไม่ได้คุยเลย ก็บอกของจริงไม่ต้องพูดอะไรกัน ยืนยันตามความจริง เป็นจริง ตอนนี้ที่ไม่ออกมาขายของ คงเบื่อนักข่าว เห็นติดป้ายภาษาอังกฤษไว้หน้าบ้าน
จากนั้นนายปรีชา ได้ไหว้ขอบคุณสื่อมวลชนและเดินเข้าไปในบ้าน แล้วเดินออกมาพร้อมเหยือกน้ำและแก้วน้ำนำมาให้สื่อมวลชนได้ดื่ม ด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แถมพูดตลกกับสื่ออย่างเป็นกันเอง ก่อนจะหันมาถามนักข่าวว่า ได้ภาพหล่อๆหรือยัง จากนั้นก็ยืนโพสต์ท่าให้สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพก่อนจะขอตัวเดินทางๆไปสวนปาล์มใน อ.บ่อพลอย