เลขาธิการ ก้าวไกลซัด กกต.เร่งรีบชงศาล รธน.วินิจฉัย "พิธา"ปมหุ้นไอทีวี ส่อผิด ม.157
เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 66 ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส.พรรคก้าวไกลกว่า 100 คน ร่วม แถลงถึงกรณีการดำเนินการของ กตต. ในกรณีหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่า จากกรณีที่ประชุม กกต. ได้มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของนายพิธา สิ้นสุดลงหรือไม่จากเหตุที่มีชื่อถือครองหุ้นไอทีวี รวมทั้งมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยนั้น พรรคก้าวไกลเห็นว่าในกรณีนี้ กกต.ดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอนที่ควรจะเป็นตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาด ซึ่งนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ระบุว่าเป็นการดำเนินการสอดคล้องกับแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีทีผ่านมา ซึ่งเป็นคดีใดไม่ได้นอกจากคดีการกู้เงินของพรรคอนาคตใหม่ การที่กกต. จะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยตามมาตรา 82 นั้น ซึ่งไม่สามารถเทียบเคียงได้กับคดีเงินกู้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เรายังยืนยันว่า กกต.ต้องปฏิบัติตามระเบียบให้ครบถ้วนดังที่กล่าวไปแล้วเสียก่อน ดังนั้นการที่ กกต.เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญอย่างรีบเร่งไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหามายังนายพิธา และไม่เปิดโอกาสให้มีการชี้แจงข้อกล่าวหาโดยอ้างว่าเป็นเพียงการตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น จึงไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบที่ตัวเองกำหนดไว้ พรรคก้าวไกลเห็นว่ากรณีนี้จึงเท่ากับว่ากรณีนี้จึงเท่ากับว่า กกต.เลือกปฏิบัติตามระเบียบเพียงบางส่วน และจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่ตนได้ตราขึ้นไว้เองให้ครบถ้วน ถูกต้อง อันอาจเป็นการกระทำผิด ฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
นายชัยธวัช กล่าวว่า ในกรณีนี้มีข้อสังเกตได้ว่าทำไม กกต.ถึงรีบเร่งดำเนินการในคดีหุ้นไอทีวีอย่างผิดปกติ ตนทราบมาว่าทาง กกต.ได้ เชิญผู้บริหารไอทีวีมาชี้แจงกับ กกต.แล้ว จริงหรือไม่ให้ กกต.ปฏิเสธ แล้วผู้บริหารไอทีวีที่ กกต.เชิญมาให้ข้อมูลนั้น ได้ให้ข้อมูลกับ กกต.ว่าไอทีวีไม่ได้ดำเนินธุรกิจสื่อ ดังนั้นแม้ กกต. พยายามจะอ้างเหตุผลมากมายว่าไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายพิธาเพื่อให้นายพิธามาชี้แจงก่อน แต่คำถามคือในขณะที่ กกต.ยังมีเวลาเชิญไอทีวีไปชี้แจง แล้ว กกต.มีเหตุผลอะไรที่รับฟังได้ว่าจะไม่ยอมเสียเวลาให้นายพิธาได้รับทราบข้อกล่าวหาและมีโอกาสชี้แจงได้บ้าง ความรีบเร่งผิดปกติยังเห็นได้จากในช่วงเช้าที่ กกต.มีมติออกมา จากนั้นนายอิทธิพรก็รีบเซ็นเอกสารและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ กกต.ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญทันที เพื่อให้ทันการประชุมตอนบ่ายประจำสัปดาห์ ถ้าหน่วยงานราชการไทยทำงานเร็วอย่างนี้ ทุกหน่วยงานประเทศชาติเจริญแน่นอน
"สิ่งที่เกิดขึ้นหลายปีที่ผ่านมาโดยใช้นิติสงครามบทบาทของ องค์กรอิสระต่างๆ รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญถูกตั้งข้อสงสัยมาโดยตลอดว่าตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มการเมืองใดกลุ่มการเมืองหนึ่งหรือไม่ กรณีที่เกิดขึ้นในวันนี้และหลังจากนี้อีกไม่นาน จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้นจะเป็นจริงหรือไม่ และเราในฐานะผู้แทนราษฎรของฝากเสียงเตือนจากประชาชนไปถึง กกต.และองค์กรอิสระทั้งหมดว่าท่านอย่าลุแก่อำนาจจนเกินขอบเขต วันใดวันหนึ่งเมื่อการเมืองกลับมาเป็นปกติประชาชนจะลงโทษพวกท่าน"นายชัยธวัช กล่าว อ
เมื่อถามว่ากังวลว่าเรื่องนี้จะส่งผลต่อการตัดสินใจของ ส.ว.หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าเรื่องนี้เป็นขบวนการที่หวังผลทางการเมืองจริงๆ มีการบิดเบือนเจตนารมณ์ในการบังคับใช้กฎหมาย บิดเบือนระเบียบข้อบังคับต่างๆ ย่อมต้องหวังผลทางการเมือง แต่เราก็เชื่อว่าจะมี ส.ว.ที่มากเพียงพอ ที่มีสติมีความเป็นธรรม มีวิจารณญาณเห็นว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้ยังไม่สามารถเป็นบทสรุปได้ว่านายพิธามีความผิด กระบวนการยังไม่สิ้นสุดและยังไม่ใช่หน้าที่ของไม่ว่าจะเป็น ส.ส. หรือ ส.ว. ที่จะวินิจฉัยเรื่องนี้ มันเป็นคนละส่วนกันกับการโหวตเลือกนายกฯ
เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทางพรรคก้าวไกลมีแผนอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่มีแผนอะไร เดินตามเดิมก็คือไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งวินิจฉัยอย่างไรนายพิธามีสิทธิ์ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญตามกฎหมายในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ และจะสามารถเสนอชื่อนายพิธาในรัฐสภาได้เหมือนเดิม