"พิธา" มั่นใจ ส.ว.โหวตหนุน ไม่บอกจำนวนหวั่นกระเพื่อม

2023-07-12 00:05:53

"พิธา" มั่นใจ ส.ว.โหวตหนุน ไม่บอกจำนวนหวั่นกระเพื่อม

Advertisement

"พิธา" มั่นใจ ส.ว.โหวตหนุน ไม่ตอบมีเสียงหนุนเท่าไร พูดไปอาจกระเพื่อม ให้รอดูพร้อมกัน 13 ก.ค.  

เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 66  นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตอบข้อซักถามที่ว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะได้เสียง ส.ว. สนับสนุนครบก่อนโหวตนายกรัฐมนตรี ว่า ครับ ยังมั่นใจอยู่ครับ เมื่อถามต่อว่าวันนี้มี ส.ว. จำนวนชัดเจนเท่าไร นายพิธา กล่าวว่า จำนวนเดี๋ยวต้องรอไปดูกัน เพราะว่าถ้าเราพูดออกไมค์ตอนนี้ มันอาจจะมีการกระเพื่อม มีการกระทบต่อการตัดสินใจในอีก 1-2 วันนี้ ต่อข้อถามว่า ในส่วนของ ส.ว. ที่พรรคก้าวไกลบอกว่ามีจำนวนเพียงพอแล้ว ส่วนใหญ่เป็น ส.ว. สายพลเรือน หรือสายทหาร นายพิธา กล่าวว่า คงไม่ได้เจาะจงอย่างนั้น เราก็คงไม่ได้ดูว่าพลเรือนหรือทหาร หลักการที่ ส.ว. ยังหนักแน่นในการที่บอกว่า ถ้ารัฐบาลที่รวมเสียงได้เสียงข้างมาก เช่นเดียวกับสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็คิดว่ายังต้องโหวตตามหลักการ และไม่โหวตสวนมติของพี่น้องประชาชน

ต่อข้อถามว่าในวันที่ 13 ก.ค. ซึ่งจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้เตรียมแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เตรียมไว้แล้ว ต่อข้อถามว่าวันที่ 13 ก.ค. มีคนหลายกลุ่มจะมาร่วมติดตามการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่รัฐสภา เป็นห่วงว่าจะมีความวุ่นวายหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ได้มีการเตรียมสถานที่ไว้เป็นอย่างดี รับรองได้เป็นหมื่นๆ คน ทั้งพี่น้องประชาชนที่จะมาลุ้นมันก็น่าเสียดาย เพราะว่าเขาเลือกไปแล้ว ยังต้องมาลุ้นอีก

เมื่อถามอีกว่า อยากบอกอะไรกับ ส.ว. ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ นายพิธา กล่าวว่า ก็ยังยืนยันในคำเดิมว่าต้องชื่นชมและขอบคุณในความกล้าหาญที่ยืนยันในการโหวตตามมติของประชน เป็นการให้โอกาสประเทศไทยได้เดินหน้า ไม่ได้เป็นเรื่องของพิธา ไม่ได้เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล แต่เป็นเรื่องของประเทศไทยโดยรวม ถึงแม้ตอนนี้มันไม่ใช่ตน แต่ก็ยังอยากพูดเหมือนเดิมว่าตามหลักประชาธิปไตยนั่นก็คือรัฐบาลเสียงข้างมาก ดังนั้นถ้าท่านลงคะแนนวันที่ 13 ก.ค. นี้ คือท่านไม่ได้ลงให้พิธา แต่ท่านลงคะแนนให้รัฐบาลเสียงข้างมากที่มาจากมติประชาชน 25 ล้านคน และขอให้คำมั่นสัญญาว่าคำว่าประชาธิปไตยไม่ใช่เสียงข้างมากอย่างเดียว แต่คือการให้โอกาสของเสียงข้างน้อยและคนที่ไม่มีสิทธิมีเสียงในประเทศนี้ ให้สามารถบริหารราชการแผ่นดินให้ลุล่วงไปได้ ท่านยังมีโอกาสมีระบบหรือกลไกที่สามารถตรวจสอบตนได้ ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผ่าน กมธ.งบประมาณ รวมถึงสื่อมวลชนที่เป็นเสาหลักของประชาธิปไตย ในการตรวจสอบรัฐบาล เมื่อถึงเวลาตนทำไม่ได้จริง ประชาชนสามารถปลดตนออกได้  ถ้าผมเอาคำว่าผมออกแล้วเอาคนอื่นใส่ แล้วให้ระบบมันเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าประเทศมันจะเดินหน้าและเป็นทางรอดของประเทศได้ ก็คงจะเรียนไปถึง ส.ว. ตามนี้