สธ. เผยไข้เลือดออกระบาดหนัก ป่วยแล้ว 2.7 หมื่นคน ดับ 33 คน ก.ค.-ส.ค. พุ่งสูงสุด
เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 66 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการ "Dengue Effective for Treatment and Prevention" การดูแลรักษาและป้องกันโรคไข้เลือดออกอย่างมีประสิทธิภาพ ว่า ตามการคาดการณ์และพยากรณ์โรคพบว่า ก.ค.-ส.ค. น่าจะเป็นจุดสูงสุดเพราะเป็นหน้าฝนมีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายมากขึ้น อีกทั้งช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการระบาด ทำให้คนมีภูมิต้านทานต่อโรคไข้เลือดออกลดลง คาดว่าปีนี้จะมีการระบาดมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา และจากสถิติเมื่อต้น ก.ค. อยู่ที่ 2.7 หมื่นคน แต่ดูแล้วอาจถึง 3 หมื่นกว่าคน ทั้งนี้ มาตรการป้องกันสำคัญคือ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค เก็บบ้าน เก็บขยะ เก็บน้ำ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันโรคไข้ปวดข้อยุงลายด้วย ส่วนการนำวัคซีนมาใช้นั้น ยังต้องพิจารณาข้อมูลอีกระยะสักระยะ
ด้าน นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรมการแพทย์ ได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัย สมาคมวิชาชีพ ราชวิทยาลัยต่างๆ พัฒนาคู่มือแนวทางการตรวจวินิจฉัยดูแลรักษาโรคไข้เลือดออกทั้งในเด็กและผู้ใหญ่สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และจัดกิจกรรมอบรมฟื้นฟูความรู้ด้านการดูแลรักษาโรคไข้เลือดออก ภาวะแทรกซ้อน และความรู้ด้านวัคซีนใหม่ๆ เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพบุคลากรการแพทย์
นพ.นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากข้อมูลวันที่ 1 ม.ค.-28 มิ.ย. 66 พบผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสม 27,377 ราย เสียชีวิต 33 ราย โดยตั้งแต่ มิ.ย. พบผู้ป่วยสัปดาห์ละ 1,500-2,400 ราย เสียชีวิตสัปดาห์ละ 1-3 ราย ส่วนใหญ่อายุ 5-14 ปี และอายุ 15-24 ปี ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้เร่งสร้างความตระหนักรู้ในการป้องกันตนเอง การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์โรค ร่วมกับมาตรการการเฝ้าระวัง การสอบสวนโรค การประเมินแนวโน้มพื้นที่การระบาด เพื่อประกาศเป็นโรคระบาดเฉพาะพื้นที่ และวางมาตรการตอบโต้ ควบคุมโรคให้เหมาะกับบริบทพื้นที่โดยเฉพาะ