ผบ.ตร. ย้ำตำรวจเมาแล้วขับต้องรับโทษหนัก

2023-07-06 21:05:59

ผบ.ตร. ย้ำตำรวจเมาแล้วขับต้องรับโทษหนัก

Advertisement

ผบ.ตร. ย้ำตำรวจเมาแล้วขับต้องรับโทษหนักทั้งวินัยทอาญา สั่งกำชับเยียวยาเหยื่อเต็มที่

เมื่อวันที่ 6 ก.ค. พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (หัวหน้าส่วนอำนวยการและสนับสนุน ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) เป็นประธานการประชุม ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจเมาแล้วขับเฉี่ยวชนรถผู้อื่นได้รับความเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย และผู้เสียชีวิต 2 ราย เหตุเกิดบนถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ หน้าปั๊ม ปตท. หมู่ 5  ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา พื้นที่ สภ.วังน้อย
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้แจ้งข้อกำชับการปฏิบัติในการประชุมขับเคลื่อนติดตามสถานการณ์ประจำวันนี้ ซึ่งมีทุกหน่วยงานในระดับกองบัญชาการ และกองบังคับการ เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ รับทราบ โดยให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยกำชับ กำกับ สอดส่อง ดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับ ในเรื่องการดื่มสุรา การประพฤติตนไม่สมควร และการกระทำความผิดตามกฎหมาย อันจะทำให้ราชการได้รับความเสียหายต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของหน่วยงาน ซึ่งกรณีหากถูกดำเนินคดีในความผิดฐานเมาแล้วขับนั้น มีอัตราโทษสูงสุดคือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท  หากเป็นการกระทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี นับแต่วันที่กระทำความผิดครั้งแรก จะมีการเพิ่มโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 50,000 ถึง 100,000 บาท และถ้าการเมาแล้วขับนั้นเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ต้องระวางโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที นอกจากนี้จะต้องถูกลงโทษทางวินัยอีกด้วย มีทั้งความผิดวินัยร้ายแรง (หากเป็นการเมาสุราในขณะปฏิบัติหน้าที่) ซึ่งมีอัตราโทษ ไล่ออกจากราชการ หรือวินัยไม่ร้ายแรง (ไม่ได้อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่) ก็จะมีอัตราโทษ กักขัง หรือ กักยาม ตามแต่กรณี และหากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ต้องโทษจำคุก (โดยไม่รอลงอาญา) ก็จะต้องถูกลงโทษ ให้ออกจากราชการ ปลดออก หรือไล่ออกแล้วแต่กรณีอีกด้วย


ทั้งนี้ พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ส่งพวงหรีดเพื่อแสดงความเสียใจต่อญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย  พร้อมสั่งการให้ พ.ต.อ.สมเจษฐ์ แม้นบุตร  ผกก.สภ.วังน้อย ไปตรวจเยี่ยมผู้บาดเจ็บ นอกจากนี้ ทาง สภ.วังน้อย ได้เชิญ น.ส.มยุรี จำรัส ผอ.สำนักงานยุติธรรม จ.พระนครศรีอยุธยา มาชี้แจงกรณีเงินเยียวยาค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา โดยผู้เสียชีวิตจะมีเงินเยียวยาค่าตอบแทน  55,000 บาท ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้รับเงิน 45,000 บาท และรับเงินค่าชดเชยตามรายได้ 325 บาทต่อวัน ไม่เกิน 1 ปี จากสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการยื่นคำร้องเพื่อขอรับการเยียวยาตามยอดจำนวนเงินดังกล่าว


นอกจากนี้ พ.ต.ท.ยุทธนา อุทัยธรรม รอง ผกก.ป.สภ.วังน้อย และ พ.ต.ท.เดชาวัต ชัยศรี สว.อก.สภ.วังน้อย เป็นตัวเเทน สภ.วังน้อย นำพวงหรีดเเสดงความเสียใจ และได้ร่วมฟังสวดพระอภิธรรมผู้เสียชีวิต  ณ วัดบัวโรย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ โดยมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวน 20,000 บาท  ขณะที่ พ.ต.อ.สมเจษฐ์ แม้นบุตร ผกก.สภ.วังน้อย , พ.ต.ต.โสมนัส สวัสดิ์กิจ สวป.สภ.วังน้อย พร้อมข้าราชการตำรวจ สภ.วังน้อย ได้ร่วมงานสวดพระอภิธรรมผู้เสียชีวิต   ณ บ้านเลขที่ 85 ม.4 ต.โคกช้าง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี โดยมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวน 20,000 บาท ทั้งนี้ พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ส่งพวงหรีดร่วมเเสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายด้วย