"ชวน"เตือนสติหากเอาทุกอย่างปัญหาไม่จบ

2023-06-28 13:21:01

"ชวน"เตือนสติหากเอาทุกอย่างปัญหาไม่จบ

Advertisement

"ชวน"เตือนสติปมประธานสภาฯ หากเอาทุกอย่างปัญหาไม่จบ

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 66  ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์  (ปชป.) ในฐานะอดีตประธานรัฐสภาและอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ผ่านทีวีรัฐสภา ในรายการ 91 ปี ก้าวแห่งความมั่นคงรัฐสภาไทย เนื่องในวันสถาปนารัฐสภา วันที่ 28 มิ.ย. ว่า ตำแหน่งประมุขของสภานิติบัญญัติมีความสำคัญ เพราะเป็น 1 ใน 3 ของอำนาจอธิปไตย ซึ่งตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น สภาฯ จะเป็นผู้เลือกโดยยึดดุลยพินิจของส.ส. ทั้งนี้ที่ผ่านมาเคยมีกรณีที่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้มาจากพรรคอันดับหนึ่ง เพราะเป็นข้อตกลงของพรรคร่วม บางครั้งที่ผลเลือกตั้งออกมา พบว่าพรรคการเมืองมีคะแนนเสียงใกล้เคียงกัน สามารถตกลงกันได้ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ที่ผ่านมาพบว่าพรรคการเมืองที่ได้เสียงใกล้เคียงกัน จะไม่ร่วมเป็นรัฐบาลเพราะจะทะเลาะกันเหมือนปัจจุบัน ทั้งนี้ใครที่ได้เสียงข้างมากชัดเจน สามารถตกลงได้ว่าได้เป็นนายกรัฐมนตรีและประธานสภาผู้แทนราษฎร

เมื่อถามว่า ขณะนี้เสียงของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยที่ใกล้เคียงกันทำให้เกิดความไม่ชัดเจน นายชวน กล่าวว่า ถือเป็นประสบการณ์ตั้งรัฐบาล ในฐานะที่ตนเคยเป็นทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านมาหลายสมัย ปกติการตกลงร่วมกันจะใช้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสำคัญ เพราะจะง่ายต่อการแบ่งปันตำแหน่ง ทั้งนี้การตั้งรัฐบาลในปัจจุบันตนมองว่าง่ายกว่าในอดีต เพราะมีเพียง 8 พรรคการเมือง ขณะเดียวกันมีเพียง 2 พรรคเท่านั้นที่รวมเสียงได้เกินครึ่ง

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกล กังวลว่าหากไม่ได้ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะผลักดันกฎหมายของตนเองไม่ได้ นายชวน กล่าวว่า ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถทำตามอำเภอใจหรือทำสิ่งที่ขัดกับข้อบังคับการประชุมได้ ส่วนที่ระบุว่าหากไม่ได้ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะไม่ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนมองว่าไม่จริง เพราะการเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องลงมติจากสมาชิก ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องดำเนินการตามมติของสภาฯ ไม่สามารถเปลี่ยนคนได้ หรือประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเกี่ยง ถ่วง หรือ เสนอชื่อคนอื่นไม่ได้ ดังนั้นหากไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะมีปัญหานั้นไม่เกี่ยวกัน อีกทั้งการผลักดันกฎหมาย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถทำตามอำเภอใจว่าจะเอากฎหมายของใครขึ้นมาพิจารณาก่อนได้ ต้องเป็นไปตามลำดับการเสนอจากสมาชิก หากจะเปลี่ยนวาระต้องขอมติจากที่ประชุม ไม่ใช่อำนาจของประธานสภาฯ

“แต่เที่ยวนี้ ดูแล้วมีปัญหา เพราะมีประเด็นความต้องการประธานสภาผู้แทนราษฎรและตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเขามีเหตุผลและเป็นปกติที่เป็นไปได้ แต่หากเอาทุกอย่างปัญหาไม่จบ ฝ่ายที่ตั้งรัฐบาล ไม่ใช่เอาทุกอย่างเป็นของตนเอง ต้องต่อรอง เพราะนอกจากเรื่องนี้ยังมีการต่อรองอื่นๆ เช่นกระทรวง ผมมองว่าหากเขาสามารถพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด และเข้าใจภารกิจบทบาทหน้าที่ การแบ่งอำนาจ จะทำให้เกิดความขัดแย้งน้อยลง แต่ที่มีความขัดแย้งมาก เพราะไม่เข้าใจหลายเรื่อง” นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวย้ำด้วยว่า พรรคที่ต้องการเสนอร่างกฎหมาย 100 ฉบับ เขาสามารถผลักดันได้ โดยใช้ช่องเป็นกฎหมายของรัฐบาล เพราะตามข้อบังคับกฎหมายของรัฐบาลจะบรรจุเป็นเรื่องด่วน โดยสมัยสภาฯ ที่ผ่านมา พบว่ารางกฎหมายที่รัฐบาลเสนอไม่มีค้าง แต่กฎหมายของฝ่ายค้านค้างจำนวนมาก ซึ่งเป็นปกติของการปกครอง หากเสนอร่างกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายหรือนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ และงบประมาณ

“สำหรับปัญหาของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ผมมองว่าหากเข้าใจบทบาทสภาฯ จะทำให้มีข้อยุติง่าย แต่หากไม่เข้าใจและมองว่าประธานสภาฯ บันดาลให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ แบบนี้หารือกันยาก หากไม่แน่ใจว่า การตั้งนายกรัฐมนตรีจะผ่านหรือไม่ หากไม่ผ่านเขาไม่ได้ทั้งนายกรัฐมนตรีและประธานสภาฯ จนกลายเป็นความวิตก ผมมองว่าหาก 2 ฝ่ายหารือกันอย่างใกล้ชิด จะทำให้คุยกันได้ง่าย ดังนั้นปัญหาของประธานสภาฯ ควรยุติด้วยการศึกษา เข้าใจ ในบทบาท อำนาจ หน้าที่ ทุกฝ่ายไม่สามารถเอาอะไรได้ตามอำเภอใจได้ทุกอย่าง ซึ่งผมมองว่าการตั้งประธานสภาฯ ไม่มีปัญหา แต่สมัยนี้มีปัญหา” นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวถึงสเปคบุคคลที่จะเป็นประธานสภาฯ ว่า ไม่ว่าจะเป็นใครต้องเตรียมตัว ศึกษากฎเกณฑ์ ข้อบังคับและระเบียบ คนที่ได้เป็นประธานสภาฯ ต้องลาออกจากตำแหน่งในพรรคการเมือง เพื่อไม่ให้เกี่ยวกับพรรคตัวเอง หากพรรคเลือกคนของตัวเองเข้ามาเพื่อให้เลือกปฏิบัติไม่สามารถทำได้

“พรรคที่เลือกตัวแทนเข้ามา ต้องเลือกคนที่เป็นหน้าตาให้พรรค และเลือกคนที่จะมาเป็นหัวหน้าของ 500 คนในสภาฯ ดังนั้นพฤติกรรม นิสัยใจคอ ต้องแสดงให้เห็นว่าเป็นตัวแทนของฝ่ายนิติบัญญัติ พรรคการเมืองต้องเลือกคนที่เข้ามาเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย รวมถึงต้องคำนึงด้วยว่าจะทำให้การเมืองในระบอบประชาธิปไตยเป็นไปในทิศทางบวกหรือลบ” นายชวน กล่าว