"ส.ว.สมชาย"จี้ กกต.ส่งตีความคุณสมบัติ "พิธา" บี้ตรวจคำวินิจฉัยอนุญาโตตุลาการปมไอทีวีฟ้อง สปน.
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 66 นายสมชาย แสวงการ ส.ว.โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “ปริศนาธรรมการเมืองเรื่องหุ้นไอทีวี” ระบุว่า กกต.ควรเร่งสรุปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยเป็นที่สุดและตรวจสอบคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่ทำให้ไอทีวีฟื้นคืนชีพ ด้วยเหตุผลดังนี้ 1.รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา82 วรรคท้ายระบุว่า “กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง เห็นว่าสมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภามีเหตุสิ้นสุดลงตามวรรคหนึ่ง ให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย” ดังนั้นเมื่อ กกต.รับรองสมาชิกภาพส.ส.แล้ว มีเหตุผู้ร้องเรียนและ กกต.ตั้งคณะกรรมการไต่สวน ควรเร่งพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา98(3) ห้ามถือหุ้นสื่อ อันเป็นการขาดสมาชิกภาพ ส.ส ตามมาตรา101(6) และมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา98หรือไม่ โดยยึดหลักเดียวกับการยื่นคดีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คือขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างรอคำวินิจฉัยด้วย ส่วนแคนดิเดตผู้สมัครนายกรัฐมนตรี จะต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา98 หรือไม่ กกต.ควรร้องไปศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในคราวเดียวกัน จะเป็นประโยชน์การยื่นฟ้องเสียในคราวเดียวกัน
นายสมชาย ระบุต่อว่า 2.กกต.ควรตรวจสอบคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเรื่องที่ไอทีวีฟ้องสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่มีคำวินิจฉัยชี้ขาด วันที่ 14ม.ค.59 ที่ไอทีวีเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหาย และให้บริษัทกลับเข้าดำเนินการสถานีโทรทัศน์ ระบบยูเอชเอฟ โดยใช้คลื่นความถี่และทรัพย์สินอุปกรณ์เครือข่ายเดิมต่อไป จนครบกำหนดระยะเวลาสัญญาอนุญาตที่อนุญาโตตุลาการมีคำวินิจฉัยว่า การบอกเลิกสัญญาอนุญาตของสำนักงานปลัดฯไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเรื่องนี้ และคำพิพากษาศาลปกครอง มีความสำคัญต้องพิจารณาว่า ไอทีวีชนะคดีจากสำนักปลัดฯแล้ว และการขอให้เข้าดำเนินการในสถานีโทรทัศน์ ยูเอชเอฟเดิมนั้น ทำให้ไอทีวีที่มีวัตถุประสงค์สื่อชัดเจน และยังไม่ได้จดทะเบียนเลิกกิจการได้รับชัยชนะในคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการให้ไอทีวีกลับเข้าดำเนินการในสถานีโทรทัศน์ยูเอชเอฟ เดิมได้ จึงมีประเด็นข้อพิจารณาว่า ไอทีวีน่าจะยังเป็นผู้การประกอบกิจการ หรือเตรียมประกอบกิจการสื่อมวลชนที่ยังไม่ได้ยกเลิกใช่หรือไม่