"กรุณพล" ตั้งคำถามจัดงานวันข้าว

2023-06-08 13:34:23

 "กรุณพล" ตั้งคำถามจัดงานวันข้าว

Advertisement

"กรุณพล" ตั้งคำถามจัดงานวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ จัดซื้อจัดจ้างมีประสิทธิภาพหรือไม่

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.66 นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงว่าพรรคก้าวไกลได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่ามีการจัดซื้อจัดจ้างที่อาจจะไม่เหมาะสมและเร่งรีบ ในโครงการงานรณรงค์ถ่ายทอดเทคโนโลยี ลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตร เนื่องในวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจําปี 2566   เช่น เดิมตามเอกสารอนุมัติโครงการครั้งแรกวันที่ 20 ก.พ.66 โครงการวันข้าวแห่งชาติของกรมการข้าว มีแผนจะจัดขึ้นในวันที่ 1-7 มิ.ย.66 ที่พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี งบประมาณในการของบครั้งแรก 15 ล้านบาท เป้าหมายมีผู้เข้าร่วม 25,000 คน โดยโครงการดังกล่าวอยู่ในแผนงบประมาณการถ่ายทอดเทคโนโลยีสร้างความตระหนักรู้การลดต้นทุนการผลิตข้าวให้กลุ่มเกษตรกร ต่อมา วันที่ 19 เม.ย.66 เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้แผนงานของกรมไม่สามารถเป็นไปตามที่คาดหมาย ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแผนจัดงาน จากงานสเกลใหญ่งานเดียวที่ใช้งบประมาณ 15 ล้านบาท ลดขนาดลงเป็นกิจกรรม 3 ครั้ง งบประมาณรวม 7.5 ล้านบาท แบ่งออกเป็น (1) การจัดกิจกรรมที่กรมการข้าว  กทม. วันที่ 5-6 มิ.ย. งบ 3 ล้านบาท (2) การจัดกิจกรรมที่ศูนย์วิจัยข้าว จ.พิษณุโลก วันที่ 16-17 มิ.ย. งบ 1.5 ล้านบาท (3) การจัดกิจกรรมที่ศูนย์วิจัยข้าว จ.นครราชสีมา วันที่ 23-24 มิ.ย. งบ 1.5 ล้านบาท และ (4) งบประมาณประชาสัมพันธ์ 1.5 ล้านบาท แต่เหมือนกรมการข้าวกลัวจะใช้เงินน้อยไปหรือไม่ วันที่ 9 พ.ค.66 กรมการข้าวกลับขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมอีก 2 ล้านบาท วงเงินเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านบาท อ้างว่าเป็นเพราะขยายเวลาจัดงานเพิ่มขึ้น 1 วัน จาก 5-6 มิ.ย.เป็น 5-7 มิ.ย. โดยรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างผิดสังเกต เช่น ค่าใช้จ่ายการจัดนิทรรศการและแสดงผลงาน เพิ่มจาก 400,000 บาท เป็น 1,000,000 บาท ค่าใช้จ่ายการเชิดชูเกียรติและแสดงผลงานชาวนาและสถาบันชาวนา เดิมอยู่ที่ 100,000 บาท เพิ่มเป็น 500,000 บาท

นายกรุณพล กล่าวต่อว่า การตั้งงบประมาณอย่างน่าสงสัยดังกล่าว ทำให้ข้าราชการในกระทรวงเกษตรฯ ร้องเรียนมาที่พรรคก้าวไกล ฝากให้พรรคตั้งคำถามถึงหน่วยงานและผู้บริหารหน่วยงานในขณะนี้คือ (1) การจ้างออแกไนซ์เซอร์มีความโปร่งใสหรือไม่ เนื่องจากระยะเวลาการเซ็นสัญญาคือ 29 พ.ค. กับวันจัดงานคือ 5 มิ.ย. เป็นไปอย่างกระชั้นชิด และการหาออแกไนซ์เซอร์ก็มีข้อน่าสงสัย เนื่องจากงานดังกล่าวเป็นงานประจำปี จัดขึ้นทุกปีในช่วงเวลาเดียวกัน แต่กลับเป็นการเชิญให้ออแกไนซ์เซอร์เข้ามาเสนอราคา แทนที่จะเป็นการประกวดราคาหรือ e-bidding ตามระเบียบราชการ ทั้งที่มีเวลาหลายเดือนในการเตรียมงานนี้ นอกจากนั้น ผู้ได้รับเชิญมีถึง 4 ราย แต่กลับมีผู้เสนอราคาเพียง 1 ราย และเป็นรายที่ร่วมงานกับกรมการข้าวมายาวนาน อีกทั้งการใช้งบประชาสัมพันธ์ 1.5 ล้านบาท ไม่มีประสิทธิภาพและไม่สามารถตอบวัตถุประสงค์ในการเผยแพร่กิจกรรมภายในงานและการให้ความรู้แก่เกษตรกรหรือประชาชนที่สนใจเกี่ยวกับนวัตกรรมทางการเกษตร นอกจากนี้ กิจกรรมที่จะจัดในภูมิภาคอีก 2 แห่ง คือพิษณุโลกและนครราชสีมา ยังเป็นออแกไนซ์เซอร์รายเดิม โดยมีข้อสงสัยว่าจะมีการรื้อบอร์ดและนำอุปกรณ์โครงสร้างต่างๆ จากที่จัดกิจกรรมที่ กทม. ไปใช้งานหรือไม่ ทั้งๆ ที่งานในส่วนภูมิภาคได้รับงบแยกไปจังหวัดละ 1.5 ล้านบาท ซึ่งพรรคก้าวไกลจำเป็นต้องลงพื้นที่ตรวจสอบในวันดังกล่าวด้วย

นายกรุณพลยังได้แสดงภาพบรรยากาศภายในงานจากการลงพื้นที่จริง พบว่าเป็นไปตามที่มีการร้องเรียนจริง เช่น ทางเข้าและบรรยากาศภายในงานเงียบเหงา เห็นได้ชัดเจนว่าผู้มาร่วมไม่น่าถึง 10,000 คนตามที่กล่าวอ้าง มีการใช้ทรัพยากรของกรมไปจัดงานจริงทั้งๆ ที่มีงบประมาณถึง 5 ล้านบาทในการจ้างออแกไนซ์เซอร์ ผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่เป็นหน่วยราชการที่มาออกบูทด้วยกันเอง และเรายังมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอว่ามีการจ้างเกษตรกรมาร่วมงานเพื่อให้มีภาพนำเสนอให้ตรงกับวัตถุประสงค์การจัดงาน นอกจากการส่งเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบแล้ว สิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องการสื่อสารไปถึงสังคมและหน่วยราชการก็คือ งบประมาณจัดอีเวนท์หลัก 10 ล้านบาท อาจดูเหมือนเล็ก แต่เราไม่รู้ว่ามีกิจกรรมลักษณะนี้เกิดขึ้นกับหน่วยราชการอีกไม่รู้เท่าไร ซึ่งรวมๆ แล้วเป็นเงินจำนวนมากที่เราสามารถจัดสรรงบประมาณใหม่ให้เกิดประโยชน์กับการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศจริงๆ ได้ ถึงเวลาที่รัฐบาลใหม่และพรรคก้าวไกลจะเข้ามาร่วมมือกับประชาชนและข้าราชการน้ำดีในการแก้ไข เราเชื่อว่าในหน่วยงานราชการต่างๆ มีข้าราชการน้ำดีที่อยากเห็นการทำงานที่โปร่งใส สร้างประโยชน์สูงสุดให้ประชาชน ดังนั้น ในรัฐบาลหน้า ในสภาสมัยหน้า พวกเราพรรคก้าวไกลจะไม่ยอมให้มีการใช้งบประมาณอย่างไม่เหมาะสม ไม่เกิดประโยชน์แบบนี้ขึ้นอีก ถึงเวลาเลิกงบไม่เหมาะสม ได้เวลาใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาประเทศ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชน